คือผมรู้สึกว่ายุคสมัยเปลี่ยนไปหรือเปล่าหว่า?
จากตอนแรกคนให้โอตาคุไม่เอาไหน
ตอนหลังโอตาคุไม่เอาไหนดันมีข้อดีที่มีเพื่อนเยอะหรือเปล่าครับ?
ตัวเอกที่โดนกีดกันเลยต้องเป็นพวกไม่เข้าสังคมแทน
เหมือนมีมุกว่า ในแนวอเมริกันมักมีมุกพวกนักกีฬาฟุตบอลรังแกวงดุริยางค์
แต่มีคนบอกว่า วงดุริยบางค์ผมอยู่ตัวเล็กกว่าก็จริง แต่พวกเรามีร้อยกว่าคน เวลามีเรื่องกับทีมอเมริกันฟุตบอลเลยไม่เคยกลัว พวกนั้นไม่กล้าหาเรื่องพวกเรา
ทำให้พวกโอตาคุที่พอรวมกันเป็นชมรมขนาดใหญ่ได้ ไม่โดนรังเกียจแบบเดิมอีกต่อไปสาเหตุเพราะปริมาณคนในกลุ่มล้วนๆ
แต่คนที่โดนรังเกียจเหมือนกับย้อนไปแบบเดิมกลายเป็นแว่นที่ดูฉลาดที่สุดในห้องที่คนรังเกียจแทน
โอตาคุดันไม่ใช่เป้าหมายหลักที่จะสงสารหรือรังเกียจต่อไปอีกแล้วในยุคนี้
ผมว่านี่คือการพัฒนาการของตัวละครและยุคสมัยที่ดีเหมือนกันล่ะครับ
เรากลับมาอิจฉาและรังเกียจคนฉลาดมากกว่าหนุ่มนักกีฬาแบบเมือ่ก่อน
อเมริกาสไปเดอร์แมน คู่แข่งวัยเด็กบูลลี่อย่างแฟลชทอมสัน หนุ่มผมทองนักกีฬาก็กลายร่างเป็นชาวอินเดียที่ร่ำรวยแทน
เรื่องของเรื่องก็คือ ผมอยากให้แว่นคุึงในเรื่องมันแสดงความฉลาดอย่างที่โม้เอาไว้ออกมาจริงๆน่ะครับ
เช่น หากเป็นเดคิสึงิ มันคงคำนวณการเก็บเลเวลมีประสิทธิภาพสูงสุด ระบบที่ซ่อนอยู่ของสกิล เส้นทางลับ ฯลฯ อะไรสารพัดในโลกนั้นได้ภายในวันเดียวอย่างที่โม้เรื่องความเก่งเอาไว้แล้ว
หรือว่าเรื่องอิเซไคเป้นเช่นนี้ก็เพราะ คนเขียนไม่ใช่แม้แต่โอตาคุล่ะครับ
คือโอตาคุยังมีแก๊งค์ของตนเอง อยู่ในโลกของตนเอง
นึกถึงมุก GTO ที่โอนิซึกะจับคันซากิไปอยู่ร่วมกับแก๊งค์บ้ากันดั้มสามคน
มองดูอาจจะน้อย
แต่หากในชั้นเรียนหนึ่งมีคนบ้ากันดั้มสักเจ็ดคน ทั้งห้องก็ไม่น่ามีใครหาเรื่องกับกลุ่มบ้ากันดั้มแล้วนะครับ?