เรื่องทำนองกฎหมายมันแย่ อย่าไปว่ากันอย่างนั้นเลย
เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามหลักการปฏิบัติ ถือว่าดีแล้วไม่ควรใช้อารมณ์
ตำรวจญี่ปุ่น ถือคติหน้าที่ว่าเป็น "ผู้ปกป้องคุ้มครองประชาชน" นะ
ยังไงก็ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ส่วนเรื่องการตัดสินความผิดนั้น
ต้องปล่อยให้เป็นตามหลักการขั้นตอนตามกฎหมายให้ศาลตัดสิน
เรื่องความไม่พอใจ แน่นอนว่ามีอยู่ แต่ไม่ควรใช้อารมณ์กล่าวโทษ
เรื่องที่ว่ากฎหมายตัดสินไม่ยุติธรรม!! ก็แล้วแต่คน แต่อยากให้คิด
ลองคิดดูให้ดีๆ ไม่ควรที่จะว่าโทษกฎหมาย ให้นึกถึงหลักโดยรวม
ยกตัวอย่างเช่นมีคดีวางระเบิดในศูนย์การค้าหรือในตึกห้างร้านมีผู้ได้รับบาดเจ็บ
รวมถึงผู้เสียชีวิตหลายราย สันนิษฐานจากการสืบหลักฐานพยาน
คาดว่าหนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บได้มีผู้ต้องสงสัยวางระเบิดปะปนอยู่
จึงต้องทำการรักษาก่อนการสืบสวน เพื่อการสืบข้อเท็จจริงในคดี
หรืออีกตัวอย่างมีจี้รถขนส่งสาธารณะ ก่อนเจ้าหน้าที่ จะได้ติดตามเข้าช่วยเหลือ
ก็เกิดเหตุน่าสลด [อืม..เอาเป็น]คนร้ายจี้คนขับจนได้เกิดอุบัติเหตุ
[หรือไม่ก็]เมื่อถึงที่เกิดเหตุ ผู้โดยสารและคนขับบาดเจ็บเสียชีวิต
มีผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ไม่กี่คน ส่วนใหญ่เจ็บหนักและหมดสติ
จากการปฏิบัติตามหลักนั้น จึงได้ให้การรักษาก่อนการตรวจสอบ
หลังการตรวจสอบและการสืบ ก็มีผู้ได้รับการรักษาฟรีจากเหตุนี้
โดยในเหตุตัวอย่าง ก็อาจจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จนต้องได้รับการรักษา
โดยเป็นการอนุมัติเร่งด่วน ตรวจสอบสิทธิ์ทีหลัง หรืออะไรเช่นนั้น
สุดท้ายก็มีผู้ที่ไม่ต้องจ่ายค่ารักษาเองอยู่ด้วย โดยกรณีนี้ อาจเป็น
ผู้ก่อเหตุเอง หรือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจนได้รับบาดเจ็บกัน
ขึ้นอยู่กับการตัดสิน ว่าตรงตามหลักเข้าข่ายเงื่อนไขตามกฎไหม?
มันก็คล้ายกับกรณีเหตุที่เกิดขึ้นนี้ เพียงแค่อาจเข้าข่ายได้รับสิทธิ์
ไม่ได้บอกว่ากฎหมายไม่ดี! แต่เพียงทำตามหลักเกณฑ์การปฏิบัติ
จะได้รับสิทธิ์หรือไม่ มันเป็นแค่คิดตามหลักที่ได้รับ แต่ก็ต้องแยก
กับการตัดสินความที่ทำลงไปกับการรับโทษตามหลักกฎหมายนะ
ต้องแยกกันระหว่าง สิทธิ์ที่จะได้รับ กับการตัดสินความผิดที่ได้รับ
คนเราทุกคนมีสิทธิ์อยู่หลากหลาย ไม่ว่า สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน
สิทธิพลเมืองที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายหรือสิทธิ์สวัสดิการ
สิทธิ์ต่างๆทางสังคมขึ้นอยู่กับตัวบุคคลตำแหน่งพื้นที่อยู่อาศัยนั้นๆ
โดยหลักพื้นฐานสังคมสมัยใหม่ ทุกคนล้วนมีสิทธิ์ ผู้ต้องหาก็มีสิทธิ์
เรื่องความผิดและการรับโทษมันแยกกัน ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย
เพียงแค่ปฏิบัติตามกันไปตามหลัก อย่าพยายามที่ใช้อารมณ์ตัดสิน
"ไม่งั้นกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ก็ไร้ค่า ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ให้ยึดถือ"
หากจะยึดตามอารมณ์ บังคับใช้กฎหมายหรืออายัดสิทธิเอาตามใจ
แบบนั้นมันบ้านป่าเมืองเถื่อนแล้ว! สังคมเราต้องยึดตามหลักปฏิบัติ
ไม่ใช่ไม่พอใจกฎหมายหน่อย ก็ฉีกทิ้ง แล้วเขียนขึ้นใหม่ตามใจตน!✧●●●●●●●●●●●●●●✧
โอเคมาถึงตรงนี้ เดี๋ยวกลัวว่าจะมีคนบอกว่าทางนี้เข้าข้างคนผิดอีก
บอกเลยว่าตอนนี้เองก็มีผลกระทบจนมีอารมณ์ที่ไม่ดีอยู่เหมือนกัน
เริ่มมาจากติดตามข่าวช่วงแรกเลยเมื่อได้รับข่าวไฟไหม้ในตอนต้น
ตอนนั้นรู้สึกสะเทือนใจหน่อยๆ หวังให้เหตุการณ์ไม่รุนแรงมากนัก
แล้วตามมาเรื่อยๆ จนสืบรู้ว่าอาจเป็นการก่อเหตุ แล้วจบที่วางเพลิง
ก็รู้สึกที่ไม่โกรธไม่ได้ ตอนนั้นก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง และก็เสียใจ
เสียใจให้กับการสูญเสียบุคคลและผลงานต่างๆที่เริ่มเผยมาเรื่อยๆ
จนมาถึงการสืบหาผู้ต้องสงสัย แล้วการเจาะจงตัวนี้แหละ ที่ทำเอา
รับไม่ได้ จนไม่ได้ตามเรื่องนี้ไปพักนึงเลย ไม่สนไม่อ่าน จนสงบลง
แล้วมาตามอ่านสรุปย้อนหลังนี่แหละ ถึงจะยังรู้สึกไม่ดีอยู่บ้างแต่ก็
รู้สึกว่าเมื่อลองอ่านแบบใจเย็นดูแล้ว ตัวเราก็มองเห็นได้หลายด้าน
ตอนนี้เลยไม่ได้คิดว่าจะไล่ๆให้ไปตาย! หรือด่าทอให้ประหารอะไร
แค่คิดว่าถ้ามาถึงขนาดนี้ ก็ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกฎหมายละ
สำหรับความเห็น เกี่ยวกับผู้ก่อเหตุ
ส่วนตัวมองว่า เจ้าตัวยอมรับความตายแล้วล่ะ ประหารไป=ให้สบาย
ถ้าหลายคนบอกว่าประหารมันไปเลยดีกว่า=ให้มันตายสบายๆดีกว่า
ก็มองประมาณนี้ คิดในด้านผู้ก่อเหตุ(คิดขึ้นเองนึกว่าถ้าเราเป็นเขา)
คิดว่าคงมีความแค้น และอาจคิดว่าตัวเองไร้ค่า อาจจะคิดฆ่าตัวตาย
แต่ก็คิดแค้นอยู่เช่นกัน จึงเปลี่ยนใจมาก่อเหตุ แบบไม่สนชีวิตจากนี้
คิดว่าสุดท้ายก็คงจะตายอยู่ดีหากโดนจับก็ต้องรับโทษประหารแน่ๆ
คิดว่าจะตัวคงคิดงั้นๆล่ะ อาจจะไม่ตรงแต่ก็คงจะใกล้เคียงอยู่บ้างละ
เพราะอย่างนั้นแล้ว คิดว่าหากเจ้าตัวไม่สำนึกผิดหรือกลัวตายอยู่นั้น
ให้โทษประหารไปก็เท่านั้น อาจจะดูสะใจสำหรับผู้คนอยู่หน่อย แต่!
สำหรับเจ้าตัวโทษประหารก็อาจจะเหมือนกับทางหนี หนีจากภาระนี้
เป็นการปลดปล่อยเขาจากโลกเสียด้วยซ้ำ
พอลองมองมุมนี้ออกจะคิดขึ้นมาได้เลยว่า
ไม่ใช่ประเด็นเรื่องการเสียค่ารักษาด้วยเงินภาษีไปเปล่าๆหรือไม่แล้ว
เพราะยังไงการประหารก็ยังมีค่าใช้จ่ายที่มาจากเงินภาษีอยู่ดีหละนะ
เปรียบเหมือนกับไม่ว่าจะรักษาปล่อยให้ตายหรือประหารก็เหมือนกัน
เพราะยังไงก็เท่ากับการให้ความสบายแก่ผู้กระทำผิดโดยใช้เงินภาษี
เพราะผู้กระทำความผิด ก็ไม่ได้รู้สึกผิดจนวาระสุดท้ายหรือได้สำนึก
สุดท้ายก็คิดเห็นว่า
มันคงจะดีกว่าถ้าไม่มามัวกังวลเกี่ยวกับเงินที่เสียไป แล้วให้เจ้าตัวได้
เข้ารับโครงการฟื้นฟู บำบัดให้เจ้าตัวรู้สึกสำนึกในท้ายที่สุด เพื่อเป็น
โทษทัณฑ์ของเขาจากการกระทำความผิด ในครั้งนี้ โดยอาจจะเป็น
ให้จำคุกตลอดชีพ หรือไม่ก็ปรับฟื้นฟูสภาพออกมาอยู่ในสังคมโดย
ยังคงติดโทษทัณฑ์บนหรือต้องชดใช้ จ่ายปรับค่าเสียหาย ต่อจากนี้
หมายเหตุ ประมาณว่าฟื้นฟูจิดใจทำให้สำนึกผิดช่วยเหลือจัดหางาน
โดยเจ้าตัวจะจ่ายค่าปรับไปด้วยความรู้สึกผิด ภายหลังชีวิตต่อจากนี้
บางคนอาจว่าดูดีเกินไปแต่ส่วนตัวเห็นว่าเหมาะสม
แต่ก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้หรอก เรื่องอนุมัติการบำบัด
===================
เพิ่มเติมนิดนึงเผื่อไม่รู้กัน ญี่ปุ่นจึงอยู่ที่ว่ายังเป็นประเทศที่มีการใช้การประหารชีวิตอยู่ เปิดด้วยการแก้กฎหมายเรื่องนี้ ที่ชื่อว่าเป็นการแก้ครั้งที่ 3 ก็ยังมีการถกเถียงกันอยู่เรื่องเกี่ยวกับการว่าด้วยการให้ใช้โทษประหารชีวิตในปัจจุบัน สุดท้ายก็ยังไม่ลงรอยเรื่องการรับโทษประหารชีวิตอยู่ดี
ส่วนผู้ก่อเหตุส่วนตัวคิดว่าเจ้าตัวคงคิดว่าจะโดนโทษประหารแน่ๆเลยนะ
===================
ขอแสดงความเห็นอย่างจริงจัง อย่าว่ากันเลยนะแค่แสดงความคิดเห็นและอ้างอิงข้อมูลเล็กๆน้อยๆก็เท่านั้น