แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก

ผู้เขียน หัวข้อ: Top 10 ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ 2020+ ควรมี  (อ่าน 3623 ครั้ง)

ออฟไลน์ Black7nos

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,282
  • ถูกใจแล้ว: 3315 ครั้ง
  • ความนิยม: +211/-280
Top 10 ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ 2020+ ควรมี
« เมื่อ: มิถุนายน 03, 2021, 11:58:33 AM »


ผมอยากจะเน้นกล่าว 2 อันดับแรกคือ 1.Complex Problem Solving กับ 2.Critical Thinking

1.Complex Problem Solving การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ทักษะนี้เป็นหนึ่งในทักษะที่สำคัญสำหรับตลาดแรงงานของยุคใหม่ อย่างที่ผมเคยกล่าวครั้งหนึ่งว่ายุคใหม่มันไม่จำเป็นที่แรงงานหนึ่งคนต้องพัฒนาตัวเองไปเป็น Specialist ด้านใดด้านหนึ่งจนสุดทาง เพื่อจะเป็น Skilled Worker ที่มีทักษะระดับหยิบมือสู่จุดสูงสุดบนยอดปิรามิดอีกแล้ว

ในยุคใหม่นั้นเพื่อลดความเสี่ยงในการหาแรงงานมีฝีมือเฉพาะทางที่ถ้าเกิดเป็นอะไรไปแล้ว ฟันเฟืองของธุรกิจจะหยุดหมุนทำงาน ก็จะเปลี่ยนเป็นใช้แรงงานที่มีทักษะที่หลากหลายแทน เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างความยืดหยุ่นให้แก่ทีม

มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1.นิยามและจำกัดความ+ขอบเขตของปัญหา (Define the Problem)
2.สร้างทางเลือกหลายทางในการแก้ไขปัญหา (Generating Alternatives)
3.ประเมินและเลือกทางแก้ปัญหา(Evaluating and Selecting Alternatives)
4.ดำเนินการแก้ไขปัญหา(Implementing Solution)
https://www.mindtools.com/pages/article/newTMC_00.htm

ซึ่งมันอยู่ในวิชา Risk Management(การจัดการความเสี่ยง) ซึ่งมักเปิดสอนใน ป.โท สายบริหารและธุรกิจ

2.Critical Thinking(การคิดแบบวิพากย์) คือ การพิจารณาตัดสินเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยการโต้แย้ง และการท้าทายสมมุติฐานที่นำมากล่าวอ้างอาจะมีข้อผิดพลาดและไม่เป็นจริง

ซึ่งบิดาแห่งการคิดวิพากย์ ก็คือ โสเครติส(Socratis) นักปราชญ์ชาวเอเธนผู้วางรากฐานแนวคิดตะวันตก ผู้ที่คิดค้นการตั้งคำถามแบบโสเครติส เรียกว่า Socratic Method

ซึ่งคือการขัดเกลาองค์ความรู้ผ่านการถกเถียง การถกเถียงจะทำให้เกิดตกผลึกองค์ความรู้ใหม่ๆเกิดขึ้นอย่างมีเหตุและผล และทำให้เราค้นพบชุดความจริงใหม่ที่ลดทอนอคติ(Bias)ลง


อันนี้คือแผนผังวิธี Socratic Method

Deductive Reasoning คือ การให้เหตุผลแบบนิรนัย (อาจจะดูงงๆ แต่มันคือวิชา ตรรกศาสตร์ที่เราเรียนกันนั่นแหละครับ) โดยการตั้งพจน์ข้อความแรกเป็นกฎหรือบรรทัดฐานหรือเงื่อนไข และตั้งพจน์ที่สองเป็นเป็นพจน์ข้อความ Case หนึ่ง และพจน์สุดท้ายคือพจน์ที่สรุปเงื่อนไขของข้อความ ซึ่งจะประกอบด้วย 3 กฎ
1.กฎแจงผลตามเหตุ(Modus Ponens)
P -> Q (ถ้าเข้าเงื่อนไข P จะต้องเกิดผล Q)
P (เกิดCase P)
Q (ดังนั้นย่อมเกิด Case Q)
เช่น
พจน์ 1 : แวมไพร์ทุกคนต้องดูดเลือด
พจน์ 2 : วลาร์ดเป็นแวมไพร์
พจน์ 3 : วลาร์ดต้องดูดเลือด

2.กฎการแจงผลค้านเหตุ(Modus Tollens)
P -> Q (ถ้าเข้าเงื่อนไข P ต้องเข้าเหตุผลเป็น Q)
-P (ไม่เกิด P หรือ P เป็นเท็จ)
-Q (ย่อมไม่เกิด Q หรือ Q เป็นเท็จ)
เช่น
พจน์ 1 : ถ้าฝนตก แล้วท้องฟ้าต้องมีเมฆดำ
พจน์ 2 : ท้องฟ้าไม่มีเมฆดำ
พจน์ 3 : ดังนั้นฝนไม่ตก

3.กฎตรรกบท(Law of Syllogism) การใช้เงื่อนไขสองข้อความและหาข้อสรุปด้วยการรวมสมมุติฐานทั้งสองข้อความให้สอดคล้องกัน
P -> Q
Q -> T
P -> T

เช่น
พจน์ 1 : ถ้าฝนตก ต้องมีเมฆดำ
พจน์ 2 : ถ้าถนนลื่น ฝนต้องตก
พจน์ 3 : ถ้าถนนลื่น ต้องมีเมฆดำ

นี่คือตัวอย่างการใช้ Deductive Reason หรือ การให้เหตุผลแบบนิรนัย ถ้าสังเกตดีๆมันคือวิธีการตัดหรือขัดเกลาองค์ความรู้ที่เป็นเท็จออกไป หรือ เป็นการสร้างบรรทัดฐานการยืนยันว่าองค์ความรู้เก่าที่สืบต่อมาคือสิ่งที่เป็นจริงหรือเท็จ หรือ คือการให้เหตุผลจากบนลงล่าง(Top-Down Reasoning)
 
ต่อมาคือ Inductive Reasoning หรือ การให้เหตุผลแบบอุปนัย มันก็คือการสร้างและตกผลึกองค์ความรู้ใหม่ที่เกิดมาจากการสังเกต ประสบการณ์ สถิติ และประวัติของสิ่งต่างๆ ซึ่งไม่จะเป็นต้องถูกทุกครั้ง เพราะมันคือการสร้างทางเลือกการให้เหตุผลใหม่(Alternative Reasoning) ซึ่งภายหลังจะต้องถูกนำมาวิเคราะห์ผ่านการให้เหตุผลแบบนิรนัยเพื่อคัดกรองความจริง เช่น

A B A B A B _ ตัวต่อไปที่เว้นไว้ เราสามารถคาดคะเนได้ว่ามันคือ A การที่เราให้เหตุผลว่ามันคือ A คือ การให้เหตุผลแบบอุปนัย หรือ Inductive Reasoning ซึ่งถือเป็นการให้เหตุผลแบบล่างขึ้นบน(Bottom-Up Reasoning) จากฐานข้อมูลเก่าทำให้คาดคะเนข้อมูลที่จะเกิดขึ้นใหม่ (มันก็คืองาน Cost Engineer ที่ผมทำ จะเน้นการให้เหตุผลแบบอุปนัย คือ การใช้ฐานข้อมูลบัญชีเดิม+พฤติกรรมการทำงานและใช้ของของแผนการผลิต นำมาทำนายงานประมูลราคาก่อสร้างใหม่ๆ)

ยกตัวอย่าง เช่น
งานก่อสร้างถนน 100 km ครั้งก่อน ผมเก็บข้อมูลจากทางบัญชีได้ว่า ใช้ต้นทุนวัสดุ 50 M.THB ใช้ต้นทุนแรงงาน 20 M.THB ใช้ต้นทุนเครื่องจักร 30 M.THB ใช้ต้นทุนอื่นๆ 5 M.THB รวมเป็น 105 M.THB

สมมุติว่ามีงานประมูลใหม่ก่อสร้างถนน 200 km ผมก็จะทำนายได้ว่า จะใช้ต้นทุน 100 M.THB ใช้ต้นทุนแรงงาน 40 M.THB ใช้ต้นทุนเครื่องจักร 60 M.THB และต้นทุนอื่นๆ 10 M.THB รวมเป็น 210 M.THB

นี่คือตัวอย่างวิธีการให้เหตุผลแบบอุปนัย

ซึ่งกระบวนการตั้งคำถามแบบโสเครติส เป็นรากฐานที่ถูกนำมาใช้ในการหาความจริงอย่างยุติธรรมในชั้นศาลสากลโลกในขั้นตอนการสืบพยาน ที่มีขั้นตอนดังนี้
1.ซักถาม - ให้เหตุผลแบบอุปนัย - นำเสนอเหตุผล
2.ถามค้าน - ให้เหตุผลแบบนิรนัย - ตัดทอนเหตุผลที่ไม่เป็นจริงออก
3.ถามติง - ให้เหตุผลแบบอุปนัย - นำเสนอเหตุผลทางเลือกใหม่

ดังนั้นกระบวนการมันจะเป็นแบนนี้ เสนอเหตุผลใหม่แบบอุปนัย > ตัดทอนความเท็จด้วยการให้เหตุผลแบบแบบนิรนัย > เสนอเหตุผลใหม่แบบอุปนัย > ตัดทอนความเท็จด้วยการให้เหตุผลแบบนิรนัย... วนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ นี่คือกระบวนการตั้งคำถามแบบโสเครติส หรือ Socratic Method ที่เป็นแก่นแท้ของ Critical Thinking
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 03, 2021, 12:49:18 PM โดย Black7nos »
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 

ออนไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 11,025
  • ถูกใจแล้ว: 4619 ครั้ง
  • ความนิยม: +302/-441
Re: Top 10 ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ 2020+ ควรมี
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2021, 12:07:17 PM »
ใช้ไม่ได้ กับองกรณ์ จริงๆ ซักเท่าไรอ่ะนะ เพราะสมัยทำงานโรงงาน นี่เจอประจำ ไอ้พวกหัวหน้าแก้ปัญหาแบบไม่ทำอะไรเลย แต่เสือกคิดว่าแก้ได้


ขโมยของในตู้ นี่ผมเกือบทำระเบิดประทัด ดึงสายติดในตู้อยู่แล้วล่ะนะ ถึงได้เลิกกัน ไม่งั้นมีแหก


โรงงานที่เคยทำทั้งหมด ตอนนี้ ขายกิจการแล้วทั้งนั้นอ่ะครับ 
ตอนทำอยู่ก็คิดอยู่ว่าระบบองกรณ์แม่งอย่างเละ แต่ไม่คิดว่ามันจะขายกิจการเร็วขนาดนี้


หรือว่าตู นี่เลือกเจอแต่ องกรณ์ที่แม่งมีปัญหาหนักทั้งนั้นวะ :'(



 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Black7nos

ออฟไลน์ Black7nos

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,282
  • ถูกใจแล้ว: 3315 ครั้ง
  • ความนิยม: +211/-280
Re: Top 10 ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ 2020+ ควรมี
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2021, 12:12:24 PM »
ใช้ไม่ได้ กับองกรณ์ จริงๆ ซักเท่าไรอ่ะนะ เพราะสมัยทำงานโรงงาน นี่เจอประจำ ไอ้พวกหัวหน้าแก้ปัญหาแบบไม่ทำอะไรเลย แต่เสือกคิดว่าแก้ได้


ขโมยของในตู้ นี่ผมเกือบทำระเบิดประทัด ดึงสายติดในตู้อยู่แล้วล่ะนะ ถึงได้เลิกกัน ไม่งั้นมีแหก


โรงงานที่เคยทำทั้งหมด ตอนนี้ ขายกิจการแล้วทั้งนั้นอ่ะครับ 
ตอนทำอยู่ก็คิดอยู่ว่าระบบองกรณ์แม่งอย่างเละ แต่ไม่คิดว่ามันจะขายกิจการเร็วขนาดนี้


หรือว่าตู นี่เลือกเจอแต่ องกรณ์ที่แม่งมีปัญหาหนักทั้งนั้นวะ :'(






องค์กรยุคใหม่จะไม่ทำแบบนี้ครับ เพราะมันยิ่งนานไปยิ่งเสื่อม ตามรูปแบบธุรกิจแบบกิจการครอบครัว


การทำธุรกิจแบบใหม่ จะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรบุคคล และใช้คนให้เหมาะกับงาน


การที่ผมพูดเรื่อง MBTI กับ เรื่อง Top 10 Skill เพราะองค์กรยุคใหม่ใช้สิ่งเหล่านี้เป็นเกณฑ์
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 

ออฟไลน์ providence_gundam

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,374
  • ถูกใจแล้ว: 2085 ครั้ง
  • ความนิยม: +193/-400
  • เพศ: ชาย
Re: Top 10 ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ 2020+ ควรมี
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2021, 01:31:15 PM »
ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน


ผมว่าอันนี้ควรใช้มากกว่า ใช้ได้ทุกสมัยจริงๆ 8)
 

ออนไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 11,025
  • ถูกใจแล้ว: 4619 ครั้ง
  • ความนิยม: +302/-441
Re: Top 10 ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ 2020+ ควรมี
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2021, 01:37:03 PM »
ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน


ผมว่าอันนี้ควรใช้มากกว่า ใช้ได้ทุกสมัยจริงๆ 8)


ไอ้โรงงานที่ผมเคยอยู่ก็แบบนี้แหละ ขายกิจการหมดทุกที่  :P
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Black7nos

ออฟไลน์ Taw

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,352
  • ถูกใจแล้ว: 584 ครั้ง
  • ความนิยม: +47/-605
Re: Top 10 ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ 2020+ ควรมี
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2021, 01:39:25 PM »
2 3 เป็นอะไรที่จำเป็นที่สุดที่ต้องปลูกฝังใหม่โดยด่วน เพราะที่ผ่านมาสายงานต่างๆเอาระบบทหารมาใช้กันพร่ำเพื่อมาก

4 ใช้คนให้ถูกงานนี้ก็ควรเร่งปลูกฝัง ทุกวันนี้ทหาร-ตำรวจนั่งบอร์ดบริหาร นายหน้ารับเหมาก่อสร้างนั่งบอร์ดสาธารณสุข มั่วไปหมด ฉีกกฎจบอะไรก็ทำงานนั้นชนิดเผาทิ้งกันเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 03, 2021, 01:42:51 PM โดย Taw »
 

ออฟไลน์ Black7nos

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,282
  • ถูกใจแล้ว: 3315 ครั้ง
  • ความนิยม: +211/-280
Re: Top 10 ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ 2020+ ควรมี
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2021, 02:12:12 PM »
ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน


ผมว่าอันนี้ควรใช้มากกว่า ใช้ได้ทุกสมัยจริงๆ 8)


เชื่อเถอะครับ ระบบ ดีครับผม เหมาะสมครับนายแบบนี้อยู่ได้ไม่นานหรอกครับ อย่างธุรกิจแนวก่อสร้าง เช่น นวรัฐ เมื่อก่อนนี่อย่างเสือ ตอนนี้แทบไม่เหลือสภาพอดีตบริษัทก่อสร้างใหญ่ ขาดทุนทุกปีจนจะเจ๊งอยู่แล้วเนี่ย


ระบบดีครับผม เหมาะสมครับนาย มันคือการอวยตัวเองและทำน้ำเต็มแก้ว พอไปแข่งกับบริษัทต่างชาติหรือถูกบังคับให้แข่งกับต่างชาติไม่นานก็ไปไม่รอดครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 03, 2021, 02:15:42 PM โดย Black7nos »
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Taw

ออฟไลน์ Taw

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,352
  • ถูกใจแล้ว: 584 ครั้ง
  • ความนิยม: +47/-605
Re: Top 10 ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ 2020+ ควรมี
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2021, 02:22:04 PM »
[quote/]


เชื่อเถอะครับ ระบบ ดีครับผม เหมาะสมครับนายแบบนี้อยู่ได้ไม่นานหรอกครับ อย่างธุรกิจแนวก่อสร้าง เช่น นวรัฐ เมื่อก่อนนี่อย่างเสือ ตอนนี้แทบไม่เหลือสภาพอดีตบริษัทก่อสร้างใหญ่ ขาดทุนทุกปีจนจะเจ๊งอยู่แล้วเนี่ย


ระบบดีครับผม เหมาะสมครับนาย มันคือการอวยตัวเองและทำน้ำเต็มแก้ว พอไปแข่งกับบริษัทต่างชาติหรือถูกบังคับให้แข่งกับต่างชาติไม่นานก็ไปไม่รอดครับ

และผมว่ามันก็คือการนำไปสู่การให้อำนาจให้นายเกินไปจนเคยตัว คิดว่าทำถูกหมดทุกอย่างเพราะลูกน้องให้ท้าย กลายเป็นว่าระบบเน่าเพราะไม่มีการค้านหรือถ่วงดุลกัน กลายเป็นว่าไม่ต่างกับระบบค่ายทหาร ที่พลทหาร(ลูกน้อง)รับคำสั่งจากครูฝึก(เจ้านาย)อย่างเดียว ห้ามเถียง ห้ามค้าน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 03, 2021, 02:29:46 PM โดย Taw »
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Black7nos

ออฟไลน์ Black7nos

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,282
  • ถูกใจแล้ว: 3315 ครั้ง
  • ความนิยม: +211/-280
Re: Top 10 ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ 2020+ ควรมี
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2021, 02:29:21 PM »
[quote/]

และผมว่ามันก็คือการนำไปสู่การให้อำนาจให้นายเกินไปจนเคยตัว คิดว่าทำถูกหมดทุกอย่างเพราะลูกน้องให้ท้าย กลายเป็นว่าระบบเน่าเพราะไม่มีการค้านหรือถ่วงดุลกัน กลายเป็นว่าไม่ต่างกับระบบค่ายทหาร ที่พลทหาร(ลูกน้อง)รับคำสั่งจากครูฝึก(เจ้านาย)อย่างเดียว ห้ามเถียง ห้ามค้าน


อันนี้ผมยังไม่อยากพูดถึงประเด็นถ่วงดุลอำนาจ แต่อยากพูดในแง่ของการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในแต่ละองค์กรมากกว่า



อันนี้คือ Trend ตลาดแรงงานที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ทักษะด้าน Critical Thinking ในยุคใหม่จำเป็นมากๆ ผมมักจะพูดเรื่อง Socratic Method ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Critical Thinking เสมอ
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Taw

ออฟไลน์ Taw

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,352
  • ถูกใจแล้ว: 584 ครั้ง
  • ความนิยม: +47/-605
Re: Top 10 ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ 2020+ ควรมี
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2021, 02:34:00 PM »
[quote/]


อันนี้ผมยังไม่อยากพูดถึงประเด็นถ่วงดุลอำนาจ แต่อยากพูดในแง่ของการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในแต่ละองค์กรมากกว่า


[img/]
อันนี้คือ Trend ตลาดแรงงานที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ทักษะด้าน Critical Thinking ในยุคใหม่จำเป็นมากๆ ผมมักจะพูดเรื่อง Socratic Method ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Critical Thinking เสมอ

เรื่องทรัพยากรบุคคล ผมว่าเป็นอีกหนึ่งอย่างที่โคตรสำคัญ แต่ก่อนอื่นอาจจะต้องเพิ่มเงินเดือนให้มีแรงจูงใจด้วย เหนืออื่นใดคือบรรยากาศในที่ทำงานควรมีจุดผ่อนคลาย เพื่อดึงคนมีความสามารถเข้ามาทำ หรือคนก่อนหน้าก็มีแรงจูงใจในการพัฒนาตัวเองเพื่อองค์กร

ไอเดียนี้ผมได้จากตอนฝึกงาน TPBS ครับ แผนกตัดต่อ ไอเดียเขาคือห้องทำงานแต่ละห้องมีโซฟาให้พักผ่อนหย่อนใจด้วย แถมมีสวนตรงโรงอาหารร่มรื่น ช่วยให้พนักงานรักในองค์กรระดับหนึ่งครับ
 

ออฟไลน์ Black7nos

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,282
  • ถูกใจแล้ว: 3315 ครั้ง
  • ความนิยม: +211/-280
Re: Top 10 ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ 2020+ ควรมี
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2021, 03:31:54 PM »
10ข้อนี้ดูแล้วเป็นนามธรรม  จับใจความยาก  เอาง่ายๆขอแค่คนทำงานยุคใหม่ขอพื้นๆคือ
ได้ภาษาอย่างน้อยอังกฤษ  มีEQความฉลาดทางอารมณ์  มีAQความฉลาดทางแก้ปัญหา
มีบุคลิกมนุษย์สัมพันธ์ดี 


เอาเป็นสี่ข้อนี้ดีกว่า  มันเห็นภาพง่ายกว่า  จับต้องง่ายกว่า  อธิบายง่ายกว่า


จริงๆ หลายวิธีเป็นรูปธรรม แต่คนเข้าใจผิดเป็นนามธรรม มันคำนวนเป็นตัวเลขได้นะ ผมเองก็ใช้ตลอด โดยเฉพาะ 1 กับ 2


แต่อาจจะใช้ 2 บ่อยหน่อย เพราะเนื้องานสาย Engineer มันมีเรื่องต้องถกเถียงประจำ ทั้งด้านเทคนิคแผนก Production ด้านความปลอดภัย ด้านการบริหารต้นทุน ยันประมูลงาน


ส่วนข้อ 1 อันนี้คือผู้บริหารและ Contract Engineer ครับ การแก้ไขปัญหาแบบซับซ้อน คือ การวิเคราะห์ สร้างตัวเลือก ประเมินตัวเลือก ดำเนินตามและติดตามผลหลังจากเลือก


อันที่จริงทุกงาน และเผลอๆ จะทุกคนด้วยได้ใช้ทักษะเหล่านี้ทั้งหมดครับโดยไม่รู้ตัว เพียงแต่จะมากจะน้อยก็แล้วแต่ลักษณะเนื้องานและองค์กรครับ


อย่างยกตัวอย่างของจริงของผมกับ ข้อ 1 เลย นั่นคือวิธีการเสียภาษีให้น้อยที่สุด (ไม่ได้หลบเลี่ยงภาษีนะ) เพียงแต่กฎหมายจะให้ตัวเลือกทางด้านภาษีที่แตกต่างกันแต่ละทางที่เราเลือก


เคสการซื้อหินก่อสร้างจากต่างประเทศเข้าประเทศบังคลาเทศ ปกติมันจะโดนภาษีนำเข้าแพงมาก+Inland+Transport แพงมาก


Case 1 บริษัทผมซื้อ,ขนส่งทางเรือ และขนส่งทางบกด้วยตัวเอง
Case 2 บริษัทผมจ้างให้บริษัทไทยอื่นซื้อ,ขนส่งทางเรือ และขนส่งทางบกแทน 100%
Case 3 บริษัทผมแบ่งเป็นซื้อเอง แต่ให้บริษัทไทยอื่นขนส่งทางเรือและทางบกให้
Case 4 บริษัทผมแบ่งเป็นซื้อเอง แต่ให้บริษัทไทยขนส่งทางเรือให้ และให้บริษัทบังคลาเทศขนส่งทางบกให้


จะเห็นได้ว่ามันมี 4 Solution ที่มีต้นทุนความเสี่ยงที่แตกต่างกัน


มาดูเคส 1 ครับ การที่ผมซื้อเอง ขนส่งทางเรือเอง และขนส่งทางบกเอง มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง
1.สามารถควบคุมคุณภาพหินได้ เนื่องจากบริษัทผมเป็นคนซื้อเอง
2.สามารถซื้อหินในไทยได้ถูกเพราะผมมี Credit มากกว่าให้บริษัทเล็กเป็นตัวแทนซื้อแทน
3.ต้องเสียค่าแรงงานสำหรับงานทำเอกสาร เดินเอกสารเอง
4.ต้องเสียเวลาวุ่นวายกับงานเอกสารมากขึ้น
5.อาจมีปัญหาในการเจรจากับเจ้าหน้าที่การท่าของท่าเรือจิดากอง(บังคลาเทศ)
6.ผมเสียสิทธิทางภาษีจากการไม่ใช้ Local Subcontractor(บังคลาเทศ)


เคส 2 ให้บริษัท Suppliers ซื้อให้ ขนทางเรือ และขนทางบกให้
1.ผมไม่ต้องเสียค่าแรงงานในการทำเอกสาร เดินเอกสาร (หน้าที่ Supplier)
2.ผมไม่ต้องเสียเวลาวุ่นวายกับเอกสาร (หน้าที่ Supplier)
3.ผมไม่ต้องสนใจที่จะต้องเจรจา (หน้าที่ Supplier)
4.บริษัท supplier ขนส่งหินเขาจะคิดค่าดำเนินการทั้งค่าดำเนินการ + กำไร มาชาร์จเรา ทำให้ต้นทุนหินต่อหน่วยแพงขึ้น
5.มีสิทธิบริษัท Supplier จะยกเลิกสัญญากลางคัน
6.ผมควบคุมคุณภาพหินไม่ได้
7.บริษัท Supplier ไม่มีเครดิตเท่าบริษัทผม ดังนั้นเขาจะซื้อหินแพงกว่า
8.บริษัท Supplier ไม่มีสิทธิทางภาษีเพราะไม่ใช้ Subcontractor บังคลาเทศ


เคส 3 บริษัทผมซื้อเอง แต่ให้บริษัทอื่นรับงานขนส่งทางเรือและบกให้
1.ผมควบคุมคุณภาพหินเองได้ เพราะบริษัทผมซื้อเอง
2.บริษัทผมซื้อเองมีเครดิตที่ดี ทำให้ซื้อได้ในราคาถูกกว่า
3.ผมไม่ต้องเสียแรงงานคนทำเอกสาร เดินเอกสาร เพราะให้บริษัทขนส่งจัดการให้
4.ผมไม่ต้องสนใจเสียเวลาเจรจากับเจ้าหน้าที่การท่าเรือ (ให้บริษัทขนส่งจัดการให้)
5.ผมต้องเสียค่าดำเนินการที่เขารับจ้างขนส่งแทนบริษัทผม
6.บริษัทไม่ได้สิทธิทางภาษีเพราะไม่ใช่ Subcontractor บังคลาเทศ


เคส 4 บริษัทผมซื้อเอง แต่ให้บริษัทไทยอื่นขนส่งทางเรือ และให้บริษัทบังคลาเทศขนส่งทางบก
1.ผมควบคุมคุณภาพหินเองได้ เพราะบริษัทผมซื้อ
2.บริษัทผมมีเครดิตที่ดี ทำให้ซื้อได้ในราคาถูก
3.ผมไม่ต้องเสียค่าแรงคนสำหรับทำงานเอกสาร และเดินเอกสาร (ให้บริษัทไทยขนส่งทางเรือทำให้)
4.ผมไม่ต้องเสียเวลาเจรจากับเจ้าหน้าที่การท่าเรือ (ให้บริษัทขนส่งไทยทำให้)
5.ผมถูกชาร์จค่าดำเนินการจากบริษัทไทยขนส่งทางเรือ
6.ผมได้สิทธิทางภาษี เพราะผมใช้บริษัทบังคลาเทศขนส่งหินทางบก
7.ผมถูกชาร์จค่าดำเนินการจากบริษัทบังคลาเทศที่ขนส่งทางบก


จะเห็นได้ว่าแต่ละเคสจะมี ผลได้ผลเสียที่แตกต่างกันไป ซึ่งผมต้องเอาแต่ละเคสมาพิจารณาว่าตอบโจทย์ คุณภาพ เวลา และราคา ในแบบที่บริษัทผมต้องการหรือเปล่า


ซึ่งตอนผมทำ จะต้องมีวิเคราะห์ ประเมินการลงรายละเอียดตัวเลขต้นทุนของแต่ละอย่าง เอามาบวก ต้องมีการดูว่าแต่ละเคสใช้เวลาเท่าไหร่ และมีความเสี่ยงที่ควบคุมได้อะไรบ้าง อะไรควบคุมไม่ได้บ้าง


เรียกว่าช่วงนั้นต้องนั่งจับเข่าคุยกับนักกฎหมาย นักบัญชี บริษัทคู่ค้าทั้งไทยและบังคลาเทศรายวันเลย เพื่อหา Solution ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของบริษัทที่เป็นอยู่มากที่สุด


อันนี้คือยกตัวอย่างข้อ 1 Complex Solving Problem ให้เพื่อนได้ดู ว่าในความเป็นจริงมันจะออกมารูปแบบไหน


อันที่จริง ผมเคยพูดเรื่อง SWOT ไปครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งมันก็เป็นอะไรที่คล้ายๆกันนี่แหละครับ จริงๆ มันมีลึกลงไปกว่านั้น มีการใช้การคำนวนตามทฤษฎี Utility Theorem อีก(ไว้วันหลังค่อยอธิบายให้ฟัง)


ส่วนกรณีข้อ 2 Critical Thinking ผมทำงานกับคนต่างชาติหลายครั้ง ถ้าการมาประชุมและมานั่งฟังเฉยๆ ไม่หือไม่อือ ไม่มีการตั้งคำถามโต้แย้ง ผมบอกเลยว่าจะโดนเพ่งเล็งเตรียมได้รับซองขาวได้เลยครับ


ผมถามหน่อยว่าถ้าเกิดทุกคนเห็นตรงกัน มันจะจัดประชุมกันทำไม ทำจดหมายแจ้งไม่ดีกว่าเหรอ การประชุมคือการโต้แย้งถกเถียงเพื่อหาข้อเท็จจริงและหาทางออกที่ดีที่สุด ณ เวลานั้น


เขาจ้างคนทำงานมาก็เพื่อแก้ปัญหางาน ไม่ใช่ให้มาทำงานตามใบสั่ง ถ้าทำตามใบสั่ง ผมซื้อเครื่องจักรหรือคอมพิวเตอร์ทำแทนคนนั้นไม่ดีกว่าเหรอ ผมจะจ้างคนที่ทำได้แค่ทำตามใบสั่งไปทำไมจริงมั้ย?


ถ้าคุณมีหลักการและมีหลักฐานเอกสารยืนยันข้อเท็จจริงของคุณ คุณต้องลุกขึ้นมาถกเถียง ไม่ใช่เงียบอมพะงำ เวลาผมพิจารณาจ้างคน ผมจ้างให้คุณมาเสนอไอเดียโต้เถียงผมนะ


ไม่ใช่เออออห่อหมกเห็นด้วยกับผมไปทุกอย่าง เวลาผมพิจารณาเงินเดือน ผมพิจารณาเพิ่มเงินเดือนคนที่กล้าเถียงคนอื่นรวมทั้งผมนะ เพราะมันจะได้ตรวจสอบความคิดผมด้วยว่าคิดผิดหรือคิดถูก


มันมีโมเดลความคิดหนึ่งที่เรียกว่า โมเดลเนยแข็งสวิสต์



โดยเขามองว่ามาตรการ หรือ แผนการ หรือ ขั้นตอนใดๆ ไม่มีคำว่า Perfect 100% ถ้าเกิดใช้วิธีแบบเดียวมันจะเกิดช่องโหว่ และอาจจะหายนะต่อกิจการหรือองค์กรได้


ดังนั้นเพื่อกระจายความเสี่ยง จึงจำเป็นต้องผ่านการคัดกรอง ผ่านขั้นตอนหลายอย่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ลดช่องโหว่ลงเรื่อยๆ โดยไม่ทำให้รูโหว่เป็นรูเดียวกัน


และ Critical Thinking คือวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เกิดการป้องกันรูโหว่ที่ผ่านตลอด นั่นก็เพราะการถกเถียงมันจะช่วยปิดรูโหว่ของแผนนั้นๆให้น้อยลงจนสมบูรณ์ผ่านการขัดเกลาข้อเท็จจริง


https://thaipublica.org/2020/12/pridi218/
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 

ออฟไลน์ Black7nos

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,282
  • ถูกใจแล้ว: 3315 ครั้ง
  • ความนิยม: +211/-280
Re: Top 10 ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ 2020+ ควรมี
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2021, 05:07:45 PM »
^
^
^

มันยาวและเข้าใจยากเกิน  สิ่งแรกที่จะต้องสื่อคือ  เชิงปฏิบัติที่เข้าใจง่ายในไม่กี่ประโยค
อันนี้หมายถึงสิบข้อนะ  เพราะสิบข้อนั้น  นอกจากจะต้องต้องจำแล้ว  ยังจะต้องตีความทีละข้อๆ
มันจึงเป็นและเหมาะกับผู้ที่สนใจ  แต่จะทำยังไงให้ผู้ไม่สนใจถูกกระตุ้นแอคทีพอยากทำนี่แหละ
ที่สำคัญ



ดังนั้น  ควรพูดลอยๆสั้นๆง่ายๆกระชับ  ที่สำคัญคือเข้าใจง่าย  อย่างถ้ามีใครมาถามว่า  ทักษะที่
คนทำงานยุคใหม่ควรมีคืออะไร  ถ้าตอบไปแค่  "มันคือพูดอังกฤษได้  มีอีคิวไอคิวและจะต้อง
บุคลิกภาพดีเข้าสังคมเป็น"  เห็นมั๊ย  มันแค่บรรทัดเดียวแถมไม่ต้องแปลความ



อย่างแรกที่ต้องทำ  มันคือให้คนที่ไม่สนใจได้เข้าใจ  หาใช่ให้คนที่เข้าใจอยู่แล้วได้รู้ละเอียดขึ้น
ไม่งั้นมันจะเป็นวิชาการ  ไม่งั้นแค่เขาเห็นก็เมินหน้าหนี  กลายเป็นบัวตมต่อไป  เอาง่ายๆ  เชื่อเถอะว่า
คนที่ไม่สนใจ  จะไม่อ่านจนจบแน่ๆ  จะมีก็แค่คนที่สนใจเท่านั้น  ที่จะอ่านสิบข้อและยอมอ่านรายละเอียด
แต่นั่นมันคือ  การเชื้อเชิญคนที่ใฝ่รู้อยู่แล้ว  ให้รู้กระจ่างขึ้น  หาไม่ใช่  การเชื้อเชิญให้คนไม่รู้ได้เข้ามาสนใจ



ท่าน @Black7nos   ต้องย่อยความรู้ยากๆให้อ่านง่ายและน่าสนใจซะก่อน  ไม่งั้นคนที่ไม่ใฝ่รู้
ก็จะไม่ใฝ่รู้เช่นเดิม  ต้องย่อยแล้วพูดภาษาชาวบ้าน  ^^


//ตอบแบบกัลยามิตร  ตามข้อที่ 2  ^^


คนทุกรุ่นมักบอกเสมอครับว่าพูดมากกว่า 2 ภาษาได้ ได้เปรียบ ซึ่งมันก็เป็นข้อเท็จจริงตลอดกาล มันไม่ใช่สิ่งที่เป็นเทรนด์ครับ


และอันที่จริงคนรุ่นใหม่ก็พูดอังกฤษ เขียนอังกฤษเก่งกว่าคนรุ่นก่อน จนมันจะเป็น Same Skill ที่มีเหมือนกันอยู่แล้ว ผมเคยสัมภาษณ์เด็ก GEN Z พูดอังกฤษได้หลายคนมาก และใช้ได้ดีด้วย


เรื่อง IQ กับ EQ อันที่จริงสองส่วนนี้มันก็ไม่ได้หมายความว่า IQ ดีกว่าจะทำงานดีกว่าเสมอไปครับ


เพราะคนแต่ละคนถนัดการใช้ IQ และ EQ ในแต่ละสถานการณ์มันก็ไม่เหมือนกัน


แต่ข้อ 1 กับ ข้อ 2 สำคัญกว่ากับองค์กรในยุคนี้แบบระยะยาวครับ


ข้อ 1 Complex Problem Solving คือ การคิดและแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
- วิเคราะห์ปัญหา
- สร้างทางเลือกการแก้ปัญหาหลายๆทาง
- ประเมินทางเลือกการแก้ไขปัญหา
- ดำเนินการและติดตามปัญหา


ข้อ 2 Critical Thinking คือ การคิดในเชิงคัดค้าน เพื่อลดรูโหว่ขององค์กรหรือแผนงานครับ
-แบบนิรนัย(ตัดทอนข้อมูลเท็จ)
-แบบอุปนัย(เพิ่มข้อมูลใหม่)


2 ข้อนี้มันจะใช้ร่วมกันเสมอ เพื่อหาคำตอบที่เหมาะสมที่สุดในช่วงเวลานั้น


อันนี้น่าจะสรุปสั้นขึ้นให้เข้าใจง่ายขึ้นครับ เพียงแต่ปกติผมยกเคสกรณีศึกษาเพราะบางคนนึกภาพไม่ออกต้องเห็นของจริงครับ


ปล.อ๋อ แล้วไม่ต้องรักษาน้ำใจผมขนาดนั้นก็ได้ครับ ผมไม่ถือเรื่องค่านิยมอะไรหรอก ผมชอบคนที่กล้าถกเถียงตรงๆมากกว่าครับ มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ


เพราะการถกเถียงทำให้มนุษย์พัฒนาตัวเองขึ้นครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 03, 2021, 05:19:49 PM โดย Black7nos »
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 

ออฟไลน์ providence_gundam

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,374
  • ถูกใจแล้ว: 2085 ครั้ง
  • ความนิยม: +193/-400
  • เพศ: ชาย
Re: Top 10 ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ 2020+ ควรมี
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2021, 05:33:12 PM »
[quote/]


เชื่อเถอะครับ ระบบ ดีครับผม เหมาะสมครับนายแบบนี้อยู่ได้ไม่นานหรอกครับ อย่างธุรกิจแนวก่อสร้าง เช่น นวรัฐ เมื่อก่อนนี่อย่างเสือ ตอนนี้แทบไม่เหลือสภาพอดีตบริษัทก่อสร้างใหญ่ ขาดทุนทุกปีจนจะเจ๊งอยู่แล้วเนี่ย


ระบบดีครับผม เหมาะสมครับนาย มันคือการอวยตัวเองและทำน้ำเต็มแก้ว พอไปแข่งกับบริษัทต่างชาติหรือถูกบังคับให้แข่งกับต่างชาติไม่นานก็ไปไม่รอดครับ


แบบนั้นแหละครับที่เหมาะแล้วครับ ล่มสลายไปทั้งประเทศอ่ะดีแล้ว ผมชอบดูคนไทยทรมาน อยากรู้ว่าจะทนไปได้ถึงไหน และประเทศนี้ควรถูกให้หายไปจากโลกใบนี้อยู่แล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 03, 2021, 05:35:21 PM โดย providence_gundam »
 

ออฟไลน์ Black7nos

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,282
  • ถูกใจแล้ว: 3315 ครั้ง
  • ความนิยม: +211/-280
Re: Top 10 ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ 2020+ ควรมี
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2021, 08:39:29 PM »
พิมพ์ผิด  กะพิมพ์ว่า  เอคิวอีคิว  ดันพิมพ์เอคิวไอคิว  =="


กะพูดเรื่อง  เอคิวความฉลาดทางแก้ปัญหา  กับอีคิวความฉลาดทางแสดงอารมณ์พฤติกรรม
ทั้งๆที่คคห.แรกก็เกริ่นเรื่องเอคิอีคิว  แต่คคห.ถัดไปดันไปพิมพ์ผิด =="


ไอคิวไม่ค่อยสำคัญนักหรอกสำหรับผู้บริหาร  เอาแค่ให้เกินร้อยกว่าๆก็พอแล้ว
เพราะความฉลาดทางแก้ปัญหา  ความฉลาดทางแสดงอารมณ์  ความฉลาดทางการวางตัวบุคลิก
และแน่นอน  อย่างแรกที่ต้องได้คือ  คุยกับผู้รับสาส์นให้รู้เรื่องก็ต้องอย่างน้อยได้ภาษา  ^^


เด็กรุ่นใหม่มักตกม้าตายสามตัว  ไม่ฉลาดแก้ปัญหา  ไม่ฉลาดใช้อารมณ์  ไม่ฉลาดการวางตัว


ผมกลับมองเรื่องนี้ต่างออกไปนะ เด็กรุ่นใหม่มีสกิลในการแก้ปัญหาเชิงซับซ้อนสูงกว่าคนรุ่นเก่านะ


มันเคยมีการทดลองให้ผู้ใหญ่กับเด็กดูหนังที่มีความซับซ้อนสูงๆ อย่าง Inception ที่ต้องอาศัยความเข้าใจสูงมาก เพราะมีความซับซ้อนและจำเป็นต้องใช้สมาธิสูง


ปรากฎว่าผลการทดลองออกมาแล้วสัมภาษณ์เด็กกับผู้ใหญ่ว่ากลุ่มประชากรไหนดูรู้เรื่องมากกว่ากัน ปรากฎว่าเด็กส่วนใหญ่รุ่นใหม่ดูแล้วเข้าใจเรื่องตั้งแต่ประมาณครึ่งเรื่อง


ขณะที่ผู้ใหญ่ดูจบครบรอบก็ยังไม่เข้าใจแนวคิดที่ผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลนด์สื่อสารกับคนดู หนังเรื่อง Inception วัดได้ทั้งความเข้าใจเชิงซับซ้อนกับสมาธิของแต่ละบุคคล


ส่วนเรื่องการแก้ปัญหา ผมสำรวจประชากร ผมพบว่าเด็กรุ่นใหม่เก็บเงินและมีความรู้ทางการเงิน และแก้ไขปัญหาทางการเงินเก่งกว่าผู้ใหญ่นะ


ผมคุยกับเด็กรุ่นใหม่หลายคน ผมพบว่าเด็กหลายคนวางแผนทางการเงินเป็นและเก่งมากนะ เขารู้เรื่องบัญชี เขาเข้าใจเรื่องตราสารหนี้ ตราสารทุน การลงทุนอนุพันธ์จนผมยังเหลือเชื่อเลย


ขณะที่ผู้ใหญ่รุ่นเก่าไม่มีเข้าใจความรู้ทางการเงิน วางแผนทางการเงินไม่เป็น จะเกษียณอยู่แล้วยังไม่มีเงินเก็บยามแก่เลย


จึงจะเห็นได้ว่าผู้ใหญ่วัย 40-50 ขึ้นไป หลายคน เป็นหนี้เป็นสินเยอะมากเลยนะครับ และก็มีปัญหาช็อตเงินเดือนต่อเดือนบ่อยมาก


ผมพบในที่ทำงานหลายแห่งผู้ใหญ่อายุไม่น้อยยังต้องยืมเงินจากเพื่อนร่วมงานประจำ บางคนเกษียณแล้วต้องหาอาชีพอื่นทำงานใช้หนี้อยู่เลย


ส่วนความฉลาดในการใช้อารมณ์ ผมพบว่าตอนเข้าห้องประชุมเห็นมีแต่ผู้ใหญ่อายุจะเกษียณแล้วหลายคนยังใช้อารมณ์ว้ากกันไปว้ากกันมาบ่อยมาก


อันนี้ผมทำงานกับ Consultant  ผมสังเกตเห็นว่าหลายคนอาจจะมีอารมณ์ กลัว ไม่แน่ใจ เศร้า เหงา แต่พวกเขากลับแสดงออกมาในแง่ของลักษณะการโกรธ ด้วยการว้าก ตะคอกตลอด


ยังไม่นับพฤติกรรมถ่อย หยาบคาย และเหยียดเชื้อชาติอีกมากนะ ไม่ใช่แค่ไทยนะ แม้แต่ญี่ปุ่นก็เป็นนะครับ


ตอนผมกับหัวหน้าประชุมงาน มีครั้งหนึ่ง Consultant Racist เชื้อชาติทุกเชื้อ ประมาณว่า "ผมไม่เชื่อใจคนชาติอื่นถ้าไม่ใช่ญี่ปุ่น"


จนแม้แต่คนญี่ปุ่นที่อยู่ฝ่ายรับเหมาทนไม่ไหวลุกขึ้นมาสวนว่า "ไม่เกี่ยวกับเชื้อชาติของคน มันเกี่ยวกับกรรมวิธี(Method) วิธีไม่ดีก็เปลี่ยนวิธี" ช่วยเถียงแทนผมด้วยซ้ำ 555


(ตอนแรกผมจะพูดแล้วแหละ ที่เขานอกเรื่องไม่เกี่ยวกับเนื้องาน แต่ได้คนญี่ปุ่นที่เป็นทีมเดียวกับผมพูดแทนให้ก็ถือว่าโชคดีไม่น้อย 555)


ขณะที่เด็กรุ่นใหม่หลายคน เขานั่งฟังนิ่งๆ ถึงแม้อีกฝ่ายโกรธ พวกเขาก็ยังใจเย็นพยายามอธิบายในที่ประชุมหลายต่อหลายครั้งในด้านเทคนิคทางวิศวกรรม(เด็กจบใหม่จุฬาด้วย)


ผมมองว่าคุณอาจจะมองเรื่องที่เด็กรุ่นใหม่รักษาสิทธิของตัวเองมาก และชอบเรียกร้องสงวนสิทธิของตัวเอง ว่าใช้อารมณ์หรือเปล่า?


ถ้าคุณมองแบบนั้น มันก็ไม่ถูกต้องนะครับ การที่เวลาอีกฝ่ายละเมิดสิทธิคุณ แต่ไม่สงวนสิทธิตัวเองก็เท่ากับไม่รักตัวเอง ถ้าไม่รักตัวเองแล้วใครจะรักครับ? จริงมั้ยครับ


ส่วนเรื่องวางตัว มันมีเคสหนึ่งเป็นเคสเรื่องจริงและเกิดขึ้นจริงในด้านการทูต ตอนนั้นประเทศไทยมีการจัดเลี้ยงรับรองทูตเยอรมัน ทุกอย่างดูเนี้ยบดีมาก


แต่พอรับประทานอาหารไปซักพักทูตก็จะมีการพูดคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้ แต่มีผู้ใหญ่คนหนึ่งไม่รู้อีกท่าไหนหรือดื่มไวน์มากเกินไปหรือเปล่านะ555 อยากโชว์พาว หิวแสงอย่างไรไม่ทราบ


ไปเปิดหัวข้อคุยเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 กับ ทูตเยอรมัน คุณคิดว่าทูตเยอรมันรู้สึกอย่างไรครับ? ดีนะว่าทูตเยอรมันเขาใจเย็นและเก็บอารมณ์ได้มากพอไม่ Walk out ออกจากงานเลี้ยง


อันนี้เขาเรียกว่าไม่รู้จักกาลเทศะนะครับ ต่อให้แต่งตัวดี พูดจาสุภาพแค่ไหน แต่การพูดทำร้ายแผลใจคนอื่น มันคือการวางตัวไม่ดีและไม่รู้จักกาลเทศะอย่างถึงที่สุด


ดีนะว่าเป็นแค่งานเลี้ยงรับรองทูตเฉยๆ ไม่ใช่ช่วงเจรจากการค้า ไม่งั้น Deal ได้ล่มเละไม่เป็นท่าแน่ เพราะการพูดทำร้ายจิตใจและไม่รู้จักกาลเทศะ


เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ไปอ่านในเพจ ทูตนอกแถวได้ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 03, 2021, 08:41:24 PM โดย Black7nos »
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Taw

ออฟไลน์ Taw

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,352
  • ถูกใจแล้ว: 584 ครั้ง
  • ความนิยม: +47/-605
Re: Top 10 ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ 2020+ ควรมี
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2021, 08:53:58 PM »
[quote/]


ผมกลับมองเรื่องนี้ต่างออกไปนะ เด็กรุ่นใหม่มีสกิลในการแก้ปัญหาเชิงซับซ้อนสูงกว่าคนรุ่นเก่านะ


มันเคยมีการทดลองให้ผู้ใหญ่กับเด็กดูหนังที่มีความซับซ้อนสูงๆ อย่าง Inception ที่ต้องอาศัยความเข้าใจสูงมาก เพราะมีความซับซ้อนและจำเป็นต้องใช้สมาธิสูง


ปรากฎว่าผลการทดลองออกมาแล้วสัมภาษณ์เด็กกับผู้ใหญ่ว่ากลุ่มประชากรไหนดูรู้เรื่องมากกว่ากัน ปรากฎว่าเด็กส่วนใหญ่รุ่นใหม่ดูแล้วเข้าใจเรื่องตั้งแต่ประมาณครึ่งเรื่อง


ขณะที่ผู้ใหญ่ดูจบครบรอบก็ยังไม่เข้าใจแนวคิดที่ผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลนด์สื่อสารกับคนดู หนังเรื่อง Inception วัดได้ทั้งความเข้าใจเชิงซับซ้อนกับสมาธิของแต่ละบุคคล


ส่วนเรื่องการแก้ปัญหา ผมสำรวจประชากร ผมพบว่าเด็กรุ่นใหม่เก็บเงินและมีความรู้ทางการเงิน และแก้ไขปัญหาทางการเงินเก่งกว่าผู้ใหญ่นะ


ผมคุยกับเด็กรุ่นใหม่หลายคน ผมพบว่าเด็กหลายคนวางแผนทางการเงินเป็นและเก่งมากนะ เขารู้เรื่องบัญชี เขาเข้าใจเรื่องตราสารหนี้ ตราสารทุน การลงทุนอนุพันธ์จนผมยังเหลือเชื่อเลย


ขณะที่ผู้ใหญ่รุ่นเก่าไม่มีเข้าใจความรู้ทางการเงิน วางแผนทางการเงินไม่เป็น จะเกษียณอยู่แล้วยังไม่มีเงินเก็บยามแก่เลย


จึงจะเห็นได้ว่าผู้ใหญ่วัย 40-50 ขึ้นไป หลายคน เป็นหนี้เป็นสินเยอะมากเลยนะครับ และก็มีปัญหาช็อตเงินเดือนต่อเดือนบ่อยมาก


ผมพบในที่ทำงานหลายแห่งผู้ใหญ่อายุไม่น้อยยังต้องยืมเงินจากเพื่อนร่วมงานประจำ บางคนเกษียณแล้วต้องหาอาชีพอื่นทำงานใช้หนี้อยู่เลย


ส่วนความฉลาดในการใช้อารมณ์ ผมพบว่าตอนเข้าห้องประชุมเห็นมีแต่ผู้ใหญ่อายุจะเกษียณแล้วหลายคนยังใช้อารมณ์ว้ากกันไปว้ากกันมาบ่อยมาก


อันนี้ผมทำงานกับ Consultant  ผมสังเกตเห็นว่าหลายคนอาจจะมีอารมณ์ กลัว ไม่แน่ใจ เศร้า เหงา แต่พวกเขากลับแสดงออกมาในแง่ของลักษณะการโกรธ ด้วยการว้าก ตะคอกตลอด


ยังไม่นับพฤติกรรมถ่อย หยาบคาย และเหยียดเชื้อชาติอีกมากนะ ไม่ใช่แค่ไทยนะ แม้แต่ญี่ปุ่นก็เป็นนะครับ


ตอนผมกับหัวหน้าประชุมงาน มีครั้งหนึ่ง Consultant Racist เชื้อชาติทุกเชื้อ ประมาณว่า "ผมไม่เชื่อใจคนชาติอื่นถ้าไม่ใช่ญี่ปุ่น"


จนแม้แต่คนญี่ปุ่นที่อยู่ฝ่ายรับเหมาทนไม่ไหวลุกขึ้นมาสวนว่า "ไม่เกี่ยวกับเชื้อชาติของคน มันเกี่ยวกับกรรมวิธี(Method) วิธีไม่ดีก็เปลี่ยนวิธี" ช่วยเถียงแทนผมด้วยซ้ำ 555


(ตอนแรกผมจะพูดแล้วแหละ ที่เขานอกเรื่องไม่เกี่ยวกับเนื้องาน แต่ได้คนญี่ปุ่นที่เป็นทีมเดียวกับผมพูดแทนให้ก็ถือว่าโชคดีไม่น้อย 555)


ขณะที่เด็กรุ่นใหม่หลายคน เขานั่งฟังนิ่งๆ ถึงแม้อีกฝ่ายโกรธ พวกเขาก็ยังใจเย็นพยายามอธิบายในที่ประชุมหลายต่อหลายครั้งในด้านเทคนิคทางวิศวกรรม(เด็กจบใหม่จุฬาด้วย)


ผมมองว่าคุณอาจจะมองเรื่องที่เด็กรุ่นใหม่รักษาสิทธิของตัวเองมาก และชอบเรียกร้องสงวนสิทธิของตัวเอง ว่าใช้อารมณ์หรือเปล่า?


ถ้าคุณมองแบบนั้น มันก็ไม่ถูกต้องนะครับ การที่เวลาอีกฝ่ายละเมิดสิทธิคุณ แต่ไม่สงวนสิทธิตัวเองก็เท่ากับไม่รักตัวเอง ถ้าไม่รักตัวเองแล้วใครจะรักครับ? จริงมั้ยครับ


ส่วนเรื่องวางตัว มันมีเคสหนึ่งเป็นเคสเรื่องจริงและเกิดขึ้นจริงในด้านการทูต ตอนนั้นประเทศไทยมีการจัดเลี้ยงรับรองทูตเยอรมัน ทุกอย่างดูเนี้ยบดีมาก


แต่พอรับประทานอาหารไปซักพักทูตก็จะมีการพูดคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้ แต่มีผู้ใหญ่คนหนึ่งไม่รู้อีกท่าไหนหรือดื่มไวน์มากเกินไปหรือเปล่านะ555 อยากโชว์พาว หิวแสงอย่างไรไม่ทราบ


ไปเปิดหัวข้อคุยเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 กับ ทูตเยอรมัน คุณคิดว่าทูตเยอรมันรู้สึกอย่างไรครับ? ดีนะว่าทูตเยอรมันเขาใจเย็นและเก็บอารมณ์ได้มากพอไม่ Walk out ออกจากงานเลี้ยง


อันนี้เขาเรียกว่าไม่รู้จักกาลเทศะนะครับ ต่อให้แต่งตัวดี พูดจาสุภาพแค่ไหน แต่การพูดทำร้ายแผลใจคนอื่น มันคือการวางตัวไม่ดีและไม่รู้จักกาลเทศะอย่างถึงที่สุด


ดีนะว่าเป็นแค่งานเลี้ยงรับรองทูตเฉยๆ ไม่ใช่ช่วงเจรจากการค้า ไม่งั้น Deal ได้ล่มเละไม่เป็นท่าแน่ เพราะการพูดทำร้ายจิตใจและไม่รู้จักกาลเทศะ


เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ไปอ่านในเพจ ทูตนอกแถวได้ครับ

กรณีผู้ใหญ่ ผมว่านอกเหนือจากการที่ผ่านยุคอารมณ์อยู่เหนือเหตุผลแล้ว ยังมีเรื่องของสภาวะทางร่างกายด้วยครับ บางคนก็มีโรคตอนแก่ด้วย เช่นคนรู้จักคนหนึ่ง ตอนหนุ่มๆนิ่งๆใจเย็นแบบเด็กๆสมัยนี้นี่แหละ สุภาพเรียบร้อย เกรงใจคน สอนเด็กๆเรื่องมารยาทอย่างดีจนมีคนเอาคำสอนของแกไปใช้กันจนได้ดี ที่สำคัญขับรถเก่งดีมากจนใครๆก็ไว้ใจและชื่นชมแก

พอแก่ตัวลง(ไม่เชิงแก่มาก แค่ 50 กว่าๆ แต่เป็นหลายโรคเลยหน้าแก่ไว) นี่ยังกับคนละคน แล้วมีอาการเบาหวาน ความดัน เลือดจาง ฯลฯ ปนมาด้วย ก็โหวกเหวกโวยวาย ขนาดซื้อเบียร์ในเซเว่นราคาแพงกว่าร้านชำแค่บาทเดียวก็ทะเลาะกับพนักงานซะใหญ่โต กับออกแนวความผิดคนอื่นยิ่งใหญ่มาก ความผิดตัวเองมีเหตุผลมาอ้างเพียบ แกชอบด่าผมเรื่องขับหลงเส้นทาง ขับไม่ดียังงั้นยังงี้ พอขึ้นขับเองหลงทางกว่าผมอีก แถมขับลากเกียร์ เหยียบผิดจังหวะจนเครื่องดับบ่อยมาก ไฟเลี้ยวก็ใช้โคตรเปลืองขนากเลี้ยวทางบังคับยังเปิด เบรกทีเกือบทะลุกระจกหน้า

เรื่องปีะเด็นหนังนี่ก็น่าสนใจครับ เพราะผู้ใหญ่หลายคนเองก็ผ่านยุคที่หนังหรือละครเน้นนำเสนอเป็นเส้นตรง คือฝ่ายดีก็ดีสุดขั้ว ฝ่ายร้ายก็ร้ายจนหาดีไม่ได้ ประเด็นที่จะสื่อนำเสนอตรงไปตรงมาและเน้นเรื่องทำดีได้ดี-ทำชั่วได้ชั่ว ขายฝัน พระเอก-นางเอก = ผัวเมียกันตอนจบเป็นหลัก แล้วยุคละครหรือหนังแนวนี้เฟื่องฟูในบ้านเรามันดันยาวนานมาก คนรุ่นก่อนก็นิยมแนวนี้กัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 03, 2021, 09:03:21 PM โดย Taw »
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Black7nos

ออฟไลน์ isdogtr001

  • แม่ทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 2,036
  • ถูกใจแล้ว: 1156 ครั้ง
  • ความนิยม: +82/-143
Re: Top 10 ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ 2020+ ควรมี
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: มิถุนายน 04, 2021, 02:51:38 AM »
เอาจริงนะไอ้สิบข้อที่ผมว่าพวกคุณสอบตก ข้อ 11 คือ การให้เกียรติคนอื่นครับ


พวกคุณเอาเเต่มองเเต่ว่าตัวเองดีนู่นนี้ด่าคนเเก้ สารพัดมีหนี้บางละ ไม่ฟังคนอื่นบ้างละ


เเล้วยกยอตัวเองคนรุ่นใหม่ดีชิบหายวายวอด โธ่พ่อคุณรู้สุดท้ายก็เข้าข้างตัวเองล้วนๆนี้หว่า


คนเเก่ถึงเขาจะหัวเเข็งนู่นนี้บ้างในบางคนเเต่ใช้ว่าทุกคนจะเป็นอย่างนั้นสักหน่อย


พวกเขาก็เคยผ่านประสบการณ์ชีวิตมา พวกเขาก็เคยเจออุปสรรคการทำงานเหมือนพวกคุนนั้นละครับ


ผมว่าจริงๆนะถึงคนเเก่จะมีไม่ดีบ้างหรือความคิดต่างจากเราเเต่เราก็ไม่ควรไปดูถุกเขาเราควรมีมารยาทต่อเขาเเละพยายามเข้าใจเขาด้วย อย่างน้อยหากเป็นเจ้านายเขาก็ผ่าดงตีนช่วยบริษัทมาก่อนพวกคุณให้บริษัทอยู่รอดได้


มุมมองต่อยุค เป็นทุกยุคทุกสมัยที่จะมองต่างกันเขาผ่านโลกที่การใช้ชีวิตไม่เหมือนกับคุณเขามองโลกของเขาอีกเเบบ คุณก็มองอีกเเบบเเต่เราก็ไม่ควรด่าเขาเเบบนั้น คนเราร้อยพ่อพันเเม่การจะทำงานให้ประสบความสำเร็จคุณต้องเคารพเเละพยายามจูนหากันครับ มันเป็น เบสิคการใช้ชีวิตเลยนะ


อีกอย่างพวกว่า พวกคุณ เเบล็ค กับ คุณ เเตว นี้ หากเเก่ตัวผมว่าพวกคุณน่าจะไม่ต่างกับพวกคนเเก่ที่คุณพูดหรอก


ดูจากการพิมพ์เถียงกันเนินนาน พวกคุณอีโก้สูงปรี้ด เชื่อในสิ่งที่ตัวเองสนใจเท่านั้น ไม่เคยเคารพคนอื่น(อย่างน้อยก็คนเเก่ที่ด่าทุกวันเนี้ย) วันๆหาเเต่เรื่องที่สนองจิตใจตัวเอง เหยียดชาติตัวเองอีกต่างหาก


เเก่มาก็คงไม่ฟังเด็กเอาเเต่ใจเหมือนกันเเหละ ดูอนาคตพวกคุณไม่ค่อยจะต่างคนเเก่ที่พวกคุณยกมาเลย
 

ออฟไลน์ deaddy

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 7,637
  • ถูกใจแล้ว: 2821 ครั้ง
  • ความนิยม: +186/-185
Re: Top 10 ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ 2020+ ควรมี
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: มิถุนายน 04, 2021, 10:54:26 AM »
เอาจริงนะไอ้สิบข้อที่ผมว่าพวกคุณสอบตก ข้อ 11 คือ การให้เกียรติคนอื่นครับ


พวกคุณเอาเเต่มองเเต่ว่าตัวเองดีนู่นนี้ด่าคนเเก้ สารพัดมีหนี้บางละ ไม่ฟังคนอื่นบ้างละ


เเล้วยกยอตัวเองคนรุ่นใหม่ดีชิบหายวายวอด โธ่พ่อคุณรู้สุดท้ายก็เข้าข้างตัวเองล้วนๆนี้หว่า


คนเเก่ถึงเขาจะหัวเเข็งนู่นนี้บ้างในบางคนเเต่ใช้ว่าทุกคนจะเป็นอย่างนั้นสักหน่อย


พวกเขาก็เคยผ่านประสบการณ์ชีวิตมา พวกเขาก็เคยเจออุปสรรคการทำงานเหมือนพวกคุนนั้นละครับ


ผมว่าจริงๆนะถึงคนเเก่จะมีไม่ดีบ้างหรือความคิดต่างจากเราเเต่เราก็ไม่ควรไปดูถุกเขาเราควรมีมารยาทต่อเขาเเละพยายามเข้าใจเขาด้วย อย่างน้อยหากเป็นเจ้านายเขาก็ผ่าดงตีนช่วยบริษัทมาก่อนพวกคุณให้บริษัทอยู่รอดได้


มุมมองต่อยุค เป็นทุกยุคทุกสมัยที่จะมองต่างกันเขาผ่านโลกที่การใช้ชีวิตไม่เหมือนกับคุณเขามองโลกของเขาอีกเเบบ คุณก็มองอีกเเบบเเต่เราก็ไม่ควรด่าเขาเเบบนั้น คนเราร้อยพ่อพันเเม่การจะทำงานให้ประสบความสำเร็จคุณต้องเคารพเเละพยายามจูนหากันครับ มันเป็น เบสิคการใช้ชีวิตเลยนะ


อีกอย่างพวกว่า พวกคุณ เเบล็ค กับ คุณ เเตว นี้ หากเเก่ตัวผมว่าพวกคุณน่าจะไม่ต่างกับพวกคนเเก่ที่คุณพูดหรอก


ดูจากการพิมพ์เถียงกันเนินนาน พวกคุณอีโก้สูงปรี้ด เชื่อในสิ่งที่ตัวเองสนใจเท่านั้น ไม่เคยเคารพคนอื่น(อย่างน้อยก็คนเเก่ที่ด่าทุกวันเนี้ย) วันๆหาเเต่เรื่องที่สนองจิตใจตัวเอง เหยียดชาติตัวเองอีกต่างหาก


เเก่มาก็คงไม่ฟังเด็กเอาเเต่ใจเหมือนกันเเหละ ดูอนาคตพวกคุณไม่ค่อยจะต่างคนเเก่ที่พวกคุณยกมาเลย


อย่าไปคิดมากเลย มีคำกล่าวของใครซักคน
ถ้าจำไม่ไม่ผิดคือ ท็อป จิรายุ มั้ง
เค้ากล่าวว่ายิ่งประสพผลสำเร็จชีวิตอีกด้านยิ่งล้มเหลว


สรุปง่ายๆคือ ยิ่งประสพผลสำเร็จการงานมาก ชีวิตส่วนตัวจะยิ่งพัง


ดูอย่างสตีฟจ็อป กับอีลอนได้
จ็อบนี่ถ้าจำไม่ผิดไปทำสาวท้องแล้วไม่เลี้ยงดูจนลูกโตค่อย ไปหาหลังจากประสพผลสำเร็จรึไงนี่แหล่ะลืมๆละ


ส่วนอีลอนก็แต่งงานใหม่ 4 ครั้งแล้วมั้ง


ส่วนมาร์คซัค ก็เห็นว่าแตกกันกับเพื่อนที่ก่อตั้งบ.


ส่วนกลุ่ม กูเกิ้ล นิสัยไม่แรงเป็นเด็กเนิร์ด ชีวิตไม่เป็นปัญหามาก
ปล่อยให้คนอื่นบริหารบริษัทแทนก่อนเป็นสิบปี


ส่วนยูนิคอน บ.แรกของไทย เจ้าของอายุยังไม่ 30 ปี
มีทรัพสิน 3 หมื่นล้าน ทำงานจนฉี่เป็นเลือดเข้า รพ.กันเลยทีเดียว


เพราะงั้นก็ตามนั้นแหล่ะ หลักการที่จะประสพผลสำเร็จในการงาน
จะทำให้ความเป็นคนลดลง หรืออาจต้องเสียสละหลายอย่าง


เพราะงั้นผมก็เข้าใจนะว่าเด็กรุ่นใหม่หลายคนก็เก่งจริง
แต่เรื่องชีวิตหรืออะไรหลายอย่างก็พังเช่นกัน


เพราะงั้นใครให้ความสำคัญกับอะไรก็ว่ากันไป
แต่ถ้ามาดูถูกคนอื่นที่เค้าไม่ได้ให้ค่าความสำคัญแบบตัวเอง
จะเห็นได้บ่อยในครอบครัวจีน


เพื่อนผมงี้ นินทาออกแนวดูถูกแม่ตัวเอง กับน้องชาย
ให้ผมฟังประจำ สุดท้ายมันมาดูถูกครอบครัวผมๆก็เลิกคบ


ไม่รู้ว่าตอนนี้มันประสพผลสำเร็จในชีวิตตามที่มันต้องการรึยัง
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: isdogtr001, GoldDigger

ออฟไลน์ Taw

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,352
  • ถูกใจแล้ว: 584 ครั้ง
  • ความนิยม: +47/-605
Re: Top 10 ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ 2020+ ควรมี
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: มิถุนายน 04, 2021, 12:09:51 PM »
เอาจริงนะไอ้สิบข้อที่ผมว่าพวกคุณสอบตก ข้อ 11 คือ การให้เกียรติคนอื่นครับ


พวกคุณเอาเเต่มองเเต่ว่าตัวเองดีนู่นนี้ด่าคนเเก้ สารพัดมีหนี้บางละ ไม่ฟังคนอื่นบ้างละ


เเล้วยกยอตัวเองคนรุ่นใหม่ดีชิบหายวายวอด โธ่พ่อคุณรู้สุดท้ายก็เข้าข้างตัวเองล้วนๆนี้หว่า


คนเเก่ถึงเขาจะหัวเเข็งนู่นนี้บ้างในบางคนเเต่ใช้ว่าทุกคนจะเป็นอย่างนั้นสักหน่อย


พวกเขาก็เคยผ่านประสบการณ์ชีวิตมา พวกเขาก็เคยเจออุปสรรคการทำงานเหมือนพวกคุนนั้นละครับ


ผมว่าจริงๆนะถึงคนเเก่จะมีไม่ดีบ้างหรือความคิดต่างจากเราเเต่เราก็ไม่ควรไปดูถุกเขาเราควรมีมารยาทต่อเขาเเละพยายามเข้าใจเขาด้วย อย่างน้อยหากเป็นเจ้านายเขาก็ผ่าดงตีนช่วยบริษัทมาก่อนพวกคุณให้บริษัทอยู่รอดได้


มุมมองต่อยุค เป็นทุกยุคทุกสมัยที่จะมองต่างกันเขาผ่านโลกที่การใช้ชีวิตไม่เหมือนกับคุณเขามองโลกของเขาอีกเเบบ คุณก็มองอีกเเบบเเต่เราก็ไม่ควรด่าเขาเเบบนั้น คนเราร้อยพ่อพันเเม่การจะทำงานให้ประสบความสำเร็จคุณต้องเคารพเเละพยายามจูนหากันครับ มันเป็น เบสิคการใช้ชีวิตเลยนะ


อีกอย่างพวกว่า พวกคุณ เเบล็ค กับ คุณ เเตว นี้ หากเเก่ตัวผมว่าพวกคุณน่าจะไม่ต่างกับพวกคนเเก่ที่คุณพูดหรอก


ดูจากการพิมพ์เถียงกันเนินนาน พวกคุณอีโก้สูงปรี้ด เชื่อในสิ่งที่ตัวเองสนใจเท่านั้น ไม่เคยเคารพคนอื่น(อย่างน้อยก็คนเเก่ที่ด่าทุกวันเนี้ย) วันๆหาเเต่เรื่องที่สนองจิตใจตัวเอง เหยียดชาติตัวเองอีกต่างหาก


เเก่มาก็คงไม่ฟังเด็กเอาเเต่ใจเหมือนกันเเหละ ดูอนาคตพวกคุณไม่ค่อยจะต่างคนเเก่ที่พวกคุณยกมาเลย

มันต้องหาจุดร่วมกันไงครับ ปัญหาตอนนี้คือการให้ค่ากับคนแก่ไว้สูงปรี๊ด แล้วกดเด็กมากเกินไป เอาที่เห็นๆเลยก็หน่วยงานราชการที่ยังบ้าเปเปอร์ เอะอะถ่ายเอกสาร ติดต่อทีขนสำเนาไปเป็นตะกร้าจนเห็นแล้วต้องสัณนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าว่าไม่หัวเก่าไม่รู้จักระบบชิฟบนบัตรประชาชนไม่ก็หุ้นกับโรงงานกระดาษ+หมึกพิมพ์

คนแก่ที่เก่งๆก็มี บางคนเห็นว่าน่าต่ออายุราชการ แต่เรื่องแบบนี้ต้องรายคนกันไป ถ้าคนๆนั้นฝีมือดี ทำงานดี มีความสามารถดี และสุขภาพร่างกาย ณ ตอนนั้นยังสมบูรณ์ก็ต่อได้ อาจจะสัก 5-10 ปีก็ว่ากันไป จบจากนั้นก็เป็นที่ปรึกษา

แต่ปัญหาคือไอ้ประเภทต่อยกเข่งนี่แหละ เพราะมันรวมถึงประเภทแก่แต่ตัว พวกที่ใกล้เกษียณ(เกณฑ์เดิม)บางคนก็ป่วยออดๆแอดๆ แต่รับหน้าที่เรื่อยๆเพราะยังอยากมีสิทธิข้าราชการใช้เบิกโน่นนี่นั่นได้ ลากสังขารยันเกษียณกินเงินบำเน็จ-บำนาญก็มี มีแต่อุสาหะ แต่ Skill ไม่ดีเพราะติดค่านิยมเดิมๆ วิธีใหม่ ระบบใหม่เปลี่ยนทีก็ประท้วงไม่ให้เปลี่ยนเพราะส่วนมากทำไม่เป็น ตามไม่ทันกัน ระบบก็แทบไม่พัฒนา แช่แข็งเหมือนสมัยพวกนี้ยังหนุ่มสาว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 04, 2021, 12:15:29 PM โดย Taw »
 

ออฟไลน์ deaddy

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 7,637
  • ถูกใจแล้ว: 2821 ครั้ง
  • ความนิยม: +186/-185
Re: Top 10 ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ 2020+ ควรมี
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: มิถุนายน 04, 2021, 02:06:14 PM »
[quote/]

มันต้องหาจุดร่วมกันไงครับ ปัญหาตอนนี้คือการให้ค่ากับคนแก่ไว้สูงปรี๊ด แล้วกดเด็กมากเกินไป เอาที่เห็นๆเลยก็หน่วยงานราชการที่ยังบ้าเปเปอร์ เอะอะถ่ายเอกสาร ติดต่อทีขนสำเนาไปเป็นตะกร้าจนเห็นแล้วต้องสัณนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าว่าไม่หัวเก่าไม่รู้จักระบบชิฟบนบัตรประชาชนไม่ก็หุ้นกับโรงงานกระดาษ+หมึกพิมพ์

คนแก่ที่เก่งๆก็มี บางคนเห็นว่าน่าต่ออายุราชการ แต่เรื่องแบบนี้ต้องรายคนกันไป ถ้าคนๆนั้นฝีมือดี ทำงานดี มีความสามารถดี และสุขภาพร่างกาย ณ ตอนนั้นยังสมบูรณ์ก็ต่อได้ อาจจะสัก 5-10 ปีก็ว่ากันไป จบจากนั้นก็เป็นที่ปรึกษา

แต่ปัญหาคือไอ้ประเภทต่อยกเข่งนี่แหละ เพราะมันรวมถึงประเภทแก่แต่ตัว พวกที่ใกล้เกษียณ(เกณฑ์เดิม)บางคนก็ป่วยออดๆแอดๆ แต่รับหน้าที่เรื่อยๆเพราะยังอยากมีสิทธิข้าราชการใช้เบิกโน่นนี่นั่นได้ ลากสังขารยันเกษียณกินเงินบำเน็จ-บำนาญก็มี มีแต่อุสาหะ แต่ Skill ไม่ดีเพราะติดค่านิยมเดิมๆ วิธีใหม่ ระบบใหม่เปลี่ยนทีก็ประท้วงไม่ให้เปลี่ยนเพราะส่วนมากทำไม่เป็น ตามไม่ทันกัน ระบบก็แทบไม่พัฒนา แช่แข็งเหมือนสมัยพวกนี้ยังหนุ่มสาว


เรื่องการสืบทอดต่ออายุอะไรนี่ผมก็ไม่เห็นด้วนครับ
ผมว่าควรเหลือ 50 ปี แล้วเป็น 60 ปีบางตำแหน่งมากกว่า


แต่เรื่องการด้อยค่าคนรุ่นใหม่ก็ต้องเข้าใจเขาเช่นกันครับ


คนมีอายุระดับนึงเขาเจอพวกขายฝันกับขี้โม้มาเยอะครับ
เราอาจจะมีฝัน เราอาจจะเห็นอนาคต เราอาจจะอธิบายให้คนมีอายุเข้าใจได้


แต่ถึงเค้าจะเข้าใจแล้วถามว่าทำไมเค้าจะต้องเชื่อเราครับ


คนที่เข้าไปในตลาดทุนร้อยละร้อยก็เข้าไปเพราะมั่นใจว่าจะทำได้
แต่กลับเป็นคน 80% ขาดทุน


คนแก่หลายคนเอาชีวิตตัวเองกับครอบครัวแขวนไว้กับงานเขาเลยนะครับ


คุณกล้าไปนำเสนองานแล้วเดิมพันด้วยงานของคุณกับนิ้วซักนิ้วไหมล่ะ


ถ้าคุณไม่กล้าก็อย่าโทษเขาครับ


ถึงเขาจะเชื่อว่าคุณพูดเรื่องจริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำได้จริง


หลายๆคนที่พลาดไม่ได้เขายอมช้าไปเป็นปีๆดีกว่าพลาดซักครั้ง


ที่ทำงานผมโดนไล่ออกจากงานไปหลายคนแล้วครับ
เพราะทำผิดระเบียบที่ห้ามทำ บางคนก็โดนตักเตือนหักเงินเดือนโดนนู่นนี่นั่นเพราะทำผิดระเบียบ


เงินเดือนหลักหมื่น แต่พลาดทีชดใช้เป็นแสนเป็นล้าน


ยิ่งระดับประเทศ อธิบดีกรมต่างๆ คุมเงินเป็นพันเป็นหมื่นล้าน
คุณนำเสนอแล้วกล้าไปเซ็นต์ร่วมรับผิดชอบเวลาเสียหายไหมล่ะ เวลาพลาดทีจับหารจ่ายหนี้คนละร้อยล้านงี้ ;D




เพราะงั้นอย่าแปลกใจครับที่คนแก่เค้าจะเชื่อ บางเรื่องที่เค้าเห็นด้วยอยู่แล้ว
แต่กับหลายๆเรื่องเขาจะไม่ฟัง ถ้าไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนหรือไม่โดนสั่งเป็นนโยบาย
เพราะคนส่วนใหญ่ไม่อยากรับผิดชอบความเสียหายครับ

 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Taw

ออฟไลน์ Black7nos

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,282
  • ถูกใจแล้ว: 3315 ครั้ง
  • ความนิยม: +211/-280
Re: Top 10 ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ 2020+ ควรมี
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: มิถุนายน 04, 2021, 02:59:45 PM »
เอาจริงนะไอ้สิบข้อที่ผมว่าพวกคุณสอบตก ข้อ 11 คือ การให้เกียรติคนอื่นครับ


พวกคุณเอาเเต่มองเเต่ว่าตัวเองดีนู่นนี้ด่าคนเเก้ สารพัดมีหนี้บางละ ไม่ฟังคนอื่นบ้างละ


เเล้วยกยอตัวเองคนรุ่นใหม่ดีชิบหายวายวอด โธ่พ่อคุณรู้สุดท้ายก็เข้าข้างตัวเองล้วนๆนี้หว่า


คนเเก่ถึงเขาจะหัวเเข็งนู่นนี้บ้างในบางคนเเต่ใช้ว่าทุกคนจะเป็นอย่างนั้นสักหน่อย


พวกเขาก็เคยผ่านประสบการณ์ชีวิตมา พวกเขาก็เคยเจออุปสรรคการทำงานเหมือนพวกคุนนั้นละครับ


ผมว่าจริงๆนะถึงคนเเก่จะมีไม่ดีบ้างหรือความคิดต่างจากเราเเต่เราก็ไม่ควรไปดูถุกเขาเราควรมีมารยาทต่อเขาเเละพยายามเข้าใจเขาด้วย อย่างน้อยหากเป็นเจ้านายเขาก็ผ่าดงตีนช่วยบริษัทมาก่อนพวกคุณให้บริษัทอยู่รอดได้


มุมมองต่อยุค เป็นทุกยุคทุกสมัยที่จะมองต่างกันเขาผ่านโลกที่การใช้ชีวิตไม่เหมือนกับคุณเขามองโลกของเขาอีกเเบบ คุณก็มองอีกเเบบเเต่เราก็ไม่ควรด่าเขาเเบบนั้น คนเราร้อยพ่อพันเเม่การจะทำงานให้ประสบความสำเร็จคุณต้องเคารพเเละพยายามจูนหากันครับ มันเป็น เบสิคการใช้ชีวิตเลยนะ


อีกอย่างพวกว่า พวกคุณ เเบล็ค กับ คุณ เเตว นี้ หากเเก่ตัวผมว่าพวกคุณน่าจะไม่ต่างกับพวกคนเเก่ที่คุณพูดหรอก


ดูจากการพิมพ์เถียงกันเนินนาน พวกคุณอีโก้สูงปรี้ด เชื่อในสิ่งที่ตัวเองสนใจเท่านั้น ไม่เคยเคารพคนอื่น(อย่างน้อยก็คนเเก่ที่ด่าทุกวันเนี้ย) วันๆหาเเต่เรื่องที่สนองจิตใจตัวเอง เหยียดชาติตัวเองอีกต่างหาก


เเก่มาก็คงไม่ฟังเด็กเอาเเต่ใจเหมือนกันเเหละ ดูอนาคตพวกคุณไม่ค่อยจะต่างคนเเก่ที่พวกคุณยกมาเลย


@isdogtr001
ดูเหมือนคุณจะเข้าใจการให้เกียรติคนอื่นผิดนะครับ การให้เกียรติคนอื่นคือการเคารพคนอื่นในฐานะที่เป็นมนุษย์เหมือนกัน


การถกเถียง การโต้ตอบไม่ใช่การลดทอนเกียรติของผู้อื่นครับ หากแต่การไม่ให้เกียรติผู้อื่นคือการด้อยค่าความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น เช่น


ขโมยของส่วนตัวของเขา การยักยอกทรัพย์ การต้มตุ๋นทรัพย์ การละเมิดความเป็นส่วนตัว การละเมิดข้อตกลงที่ทำสัญญาไว้ การฆ่าคน การขมขื่น อันนี้คือการไม่ให้เกียรติในแง่การกระทำ


ส่วนการไม่ให้เกียรติทางวาจา คือ การพูดดูหมิ่นเหยียดหยามความเป็นมนุษย์ เช่น การยกว่าเชื้อชาติใดเชื้อชาติหนึ่งสูงกว่า การเหยียดเชื้อชาติพันธุ์ใดๆ แบบเดียวกับฮิตเลอร์ทำกับยิว


และอีกอย่างคำว่า ชาติ มันมาจากคำว่า ชาติพันธุ์ ซึ่งแปลว่ากลุ่มคนที่รวมกันเพราะมีค่านิยม ความเชื่อและวัฒนธรรม ภาษาแบบเดียวกัน


หลายคนเข้าใจความหมายของคำว่า ชาติ ประเทศ และรัฐ แม้เหมือนจะคล้ายกันแต่มีความหมายแตกต่างกันมาก


ชาติ = ชาติพันธุ์


ประเทศ = ขอบเขตอาณาเขตของดินแดน


รัฐ = การประกอบไปด้วย 4 อย่าง คือ 1.ประชากร 2.อาณาเขตดินแดน 3.รัฐบาล และ 4.อำนาจอธิปไตย


http://www.satit.up.ac.th/BBC07/AroundTheWorld/pol/42.htm
ลองอ่านดูครับ คุณ @isdogtr001  จะได้เข้าใจและใช้คำได้ถูกความหมายตามวิชาหน้าที่พลเมือง และรัฐศาสตร์


ผมไม่เคยเหยียดหยามชาติพันธุ์ไหนในโลกเลยนะ ดังนั้นการที่คุณกล่าวว่าผมเหยียดชาติตัวเอง อันนี้คุณ @isdogtr001 อาจจะเข้าใจความหมายผิดไป


ตอนผมประชุมกับ Consultant(ที่ปรึกษาและตัวแทนเจ้าของงาน) ชาวญี่ปุ่น ที่เขาเหยียดชนชาติทั้งไทยและฟิลิปปินส์ หลายครั้งผม Fight ประเด็นเรื่องนี้บ่อยมากนะ


ผมมักจะพูดเสมอว่า คนเราไม่ว่าจะเป็นชาติพันธุ์ไหนมันก็ไม่ต่างหรอก เพราะมันมีโครโมโซม 23 คู่เหมือนกัน ถ้ามันไม่ดีเราก็แค่เปลี่ยนวิธีการใหม่ก็จบ


แม้แต่อีกฝ่ายเป็นวิศวกรญี่ปุ่น่มาจากประเทศพัฒนาแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยทำงานผิดพลาด หรือ มันมีส่วนที่เขาไม่เคยทำมันก็มี แต่ผมไม่เคยว่าเขานะครับ


ก็แค่ให้จัดอบรมหรือให้คนที่เขาทำผิดพลาดหรือไม่เป็นอ่านคู่มือ Manual ทำ Check list  หรือรับการถ่ายทอดจากผู้มีประสบการณ์เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรงก็จบ


คุณ @isdogtr001 อาจจะคิดว่าการให้เกียรติคนอื่น คือ การแสร้งยอมแพ้ให้อีกฝ่าย ให้อีกฝ่ายดีใจเพราะคิดว่าตนเองเถียงชนะเหรอครับ?


มันไม่ถูกต้องนะครับ อย่างที่ผมบอกว่าการถกเถียงคือสิ่งที่ดี และทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์สมบูรณ์ยิ่งขึ้นกว่าเดิมครับ เพราะมันจะช่วยกลั่นกรองความคิดให้แหลมคมขึ้น สมบูรณ์ขึ้น


และจริงๆผมเป็นคนให้เกียรติคนอื่นมากนะครับ +1 ปรมมือของคุณ @Handsome เป็นผมกดให้เขาเองนะครับ เพราะ เขาคือคนที่กล้าจะลุกขึ้นมาโต้แย้งถกเถียงผม


ด้วยจุดยืนของเขา ซึ่งมันน่าสนใจมากนะ แต่ผมน่ะยึดหลักการของโสเครติสและวิถีของ Socratic Method


เมื่อเขาให้เกียรติในการลุกขึ้นมาโต้แย้งถกเถียงผม ผมก็จะโต้แย้งเขาเพื่อเป็นการให้เกียรติเขาเช่นกันครับ เพื่อที่ทั้งสองฝ่ายจะได้เริ่มกระบวนการการขัดเกลาองค์ความรู้


ผมกำลังรอคุณ handsome ไปเอาข้อมูลของเขาที่รองรับสมมุติฐานของเขา เอามาชี้แจงเสียด้วยซ้ำว่า ทำไมเอคิว+อีคิว ถึงดีกว่า


แต่คุณ @isdogtr001 ดันมาขัดกระบวนการขัดเกลาความรู้ของผมผ่านการถกเถียงด้วย Socratic Method น่าเสียดายจริงๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 04, 2021, 03:07:00 PM โดย Black7nos »
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 

 

Tags:
แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก