[quote/]
ช่างหัวธนาคารแล้วฝากลุงdeadไปลงทุนหุ้นได้ผลตอบแทน50%ต่อปี
แล้วกลับมาล้อเลียนคนนั่งหวังพึ่งผลตอบแทนจากธนาคารว่า....ช้าว่ะมัวทำไรอยู่กูรวยแล้วนะ
[quote/]
ลุง deaddy เขาเล่นระยะยาวแบบผมครับ คือเน้นกินปันผลเป็นหลัก ตัวที่โต 50% มันคือตัว Premium(บางตัวผมขึ้นไป 100%+ เสียด้วยซ้ำ แต่ผมกับลุง dead ก็เฉยๆครับ เพราะที่ขึ้นไปมันเป็นแค่ค่า Premium ไม่ใช่เป็นมูลค่าทางบัญชีจริงๆ ตราบเท่าที่ไม่ขายคือไม่เป็นกำไรที่เกิดขึ้นจริงนะครับ) และอันที่จริงผลตอบแทนจากเงินปันผลอันนี้ไม่น่าจะถึงนะครับ
คือเวลาเราซื้อหุ้น มันจะมีราคาพาร์ หรือก็คือราคาของทุนจดทะเบียน หรือ BV สมมุติว่าราคา 1.00 บาท
แล้วพอผ่านไปซักระยะมีการซื้อ-ขายทำให้ความต้องการตลาดขึ้นไป 5.00 บาท
ส่วนต่าง 4.00 บาท มันคือ Premium ครับ ไม่ใช่มูลค่าทางบัญชีจริงๆ มูลค่าบัญชีจริงๆคือ 1.00 บาทเหมือนเดิม
ค่า Premium อันที่จริงแล้วมันคือค่าความคาดหวัง หรือ ค่าพึ่งพอใจ หรือราคาที่พอใจครับ ซึ่งมันไม่ได้เป็นค่าที่เป็นรูปธรรมออกมาทางบัญชี
ยกเว้นเสียแต่ว่าบริษัทนั้นสามารถทำผลประกอบการได้กำไรและเก็บเป็นกำไรสะสม ตัวกำไรสะสมนี่แหละจะเอามาคิดมูลค่าบัญชีที่แท้จริงครับ
สมมุติว่ากำไรสะสมต่อหุ้น คือ 0.50 บาท ดังนั้นมูลค่าทางบัญชี = มูลค่าราคาหุ้นจดทะเบียน + มูลค่ากำไรสะสมต่อหุ้น = 1.50 บาท ครับ
ส่วนเงินปันผล จะต้องทำตามกฎหมายคือ บริษัทนั้นจะต้องทำกำไรให้ได้เสียก่อน และกำไรนั้นจะต้องรวมแล้วมีกำไรสะสมสำรองไม่ต่ำกว่า 10%
จึงสามารถปันผลได้ครับ
อย่าเอ็ดไปสิ กำลังเล็งเอาตังเก็บซักล้านนึงไปลงทุนที่เสี่ยงสุดๆอยู่ ผลตอบแทนนี่แบบว่า อาจจะได้หลายเท่าไปเลย
โอกาสเสียน่ะหรอ ไม่รู้สิ
แบบ เสี่ยงเยอะก็ผลตอบแทนเยอะ แต่ความรู้กับประสพการณ์และความขยัน จะช่วยให้ความเสี่ยงลดลง
คือการลงทุนมันมีอัตราสัดส่วนไง ส่วนใหญ่เสี่ยงต่ำ แต่ถ้าอยากให้เติบโตมันก็ต้องมีเสี่ยงสูงด้วย
คือจริงๆในมุมมองเรามันก็แทบไม่เสี่ยงนั่นแหล่ะ แต่ความเสี่ยงคือ มันเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น
เช่น ถ้าเอาเงินไปลงทุนกับ บ. ที่กำไรดีทุกปี แต่ทุกคนก็รู้หมดว่ามันดีแค่ไหน
กับไปลงทุนในหุ้นที่คนไม่รู้จัก แล้วไม่มีใครรู้เท่าไหร่ว่ามันดีแค่ไหน แน่นอน ว่าความเสี่ยงคือความไม่รู้นี่แหล่ะ
แต่พอเราลงทุนไปนานๆ หลายคนก็จะแยกออกว่าอันไหนเสี่ยงมากอันไหนน้อย เรียกว่าต้องทำงานหนักหน่อย
อย่างหลายคนแผนสวยหรู ฟังดูดีทุกอย่าง แต่จะทำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าทำสำเร็จ นักลงทุนก็รวยกัน
แต่ถ้าไม่สำเร็จก็ขาดทุนกันไป
เพราะงั้นจุดสำคัญคือต้องแก่ะให้ได้ว่าความเสี่ยงที่สูงๆนั้น ผลตอบแทนแค่ไหน คุ้มต่อการเอาเงินไปเสี่ยงไหม
แล้วความเสี่ยงนั้น เราจะรับได้ไหมกรณีที่ไม่เป็นไปตามที่เราคิด
อย่าง 50% ลงในตัวที่มั่นคงสุดๆมีปันผลกำไรดีทุกปี
25% ลงในตัวที่มีกำไรดีโอกาสเติบโตสูง แต่เรายอมลงทุนในราคาอนาคตระดับนึง10% ลงในหุ้นที่อดีตแย่ก็ช่างแต่อนาคตที่รออยู่สดใสสุดๆ
ที่เหลือเงินสดไว้ซื้อๆขายๆ เผื่อเวลาราคาลง ก็ช้อนซื้อ
คือจริงอยู่ว่า ลงในตัวเสี่ยง 3 ตัว อาจจะขาดทุน 2 ตัวกำไร 1 ตัว แต่ไอ้ 1 ตัวที่กำไร อาจจะกำไร 2-3 เด้ง ในขณะที่ตัวที่ขาดทุน ขาดทุนตัวละ 30%
แต่ถ้าเป็นช่วงตลาดแย่ๆ ตัวเสี่ยงๆให้เอาออกให้หมด เหลือแต่ตัวที่จะเป็นผู้ชนะพอ
เพราะเวลาน้ำท่วมทั้งป่า หญ้าจะจมน้ำทั้งหมด แต่ไม้ใหญ่จะยืนพ้นน้ำ พอน้ำลด ต้นไม้เล็กๆที่โดนท่วมจะกลายเป็นปุ๋ยให้ต้นไม้ใหญ่
ช่วงนี้ที่กำไรเยอะเพราะเป็นช่วงฟื้น บางตัวก็กำไรเป็นประวัติการณ์ ในรอบหลายๆปี บางตัวก็แค่ราคาตกตามตลาด แต่ธุรกิจยังอยู่ดี
ส่วนตัวที่โดนภัยพิบัติ เราก็ขายทิ้งให้หมดรอตอนที่ภัยพิบัติเริ่มเห็นแสงสว่าเราค่อยไปส่องดูว่ามีตัวไหนยังน่าลงทุนมั่ง