ส่วนใหญ่ Workshop ของ ช่างหิน แกะสลักหินกันติดๆเหมืองนี่แหละครับ ยิ่งสมัยก่อนการขนส่งไม่ดียิ่งทำงานใกล้ๆแหล่งผลิต
อีกเรื่องหนึ่งยุคกลางมันมีตอนต้น กับ ตอนปลาย ซึ่งค่อนข้างแตกต่างกันพอสมควร
ยุคกลางตอนปลายมันจะเริ่มเกิดชนชั้นกลาง อันได้แก่พ่อค้าและนายธนาคารขึ้นมา และก็เป็นยุคที่ศฺิลปิน ช่างฝีมือ เริ่มมีความสำคัญมากขึ้น(กำลังเข้าสู่เรเนอซองค์)
เอาจริงๆผมไม่ชอบยุคกลางนะ คุณภาพชีวิตแย่เกินไปหน่อย ยิ่งทำงานยิ่งจนกลายเป็นทาสติดที่ดิน
ถ้าให้เลือกต้องย้อนเวลาไปอยู่ก็คงเป็นเรเนอซองค์ที่วิศวกร,สถาปันนิกและศิลปินมีบทบาทมากดีกว่า
แถมเพลง
Famine and Poverty ที่นิยามความบัดซบยุคกลางได้หมดในเพลงเดียว จาก Kingdom Come Deliverance
เนื้อเพลงแปลไทยเมื่อยากจน โรคร้าย และความอดอยากมาเยือน
ไม่มีชายใดทนยืนหยัดอยู่ได้
ความโศกเศร้าปกคลุมแผ่นดิน
ผู้มีแรงล้วนหนีหายไปนานแล้วเสียงเด็กน้อยร่ำไห้ หญิงสาวหวาดกลัว
ผู้ที่ยังหายใจเมื่อวาน วันนี้เหลือเพียงเถ้าถ่าน
แม้แต่นักบุญยังหวั่นไหว
ฉันไม่ปรารถนาเป็นดั่งพวกเขาเลยแต่สำหรับเรา...ไม่อาจหวั่นไหว
จงยกจอกขึ้น แล้วดื่มจนหมด
เมามายดั่งว่านี่คือวันสุดท้ายของชีวิต
หัวเราะ ร้องรำ เฉลิมฉลองจนรุ่งสางจงกลิ้งถังสุรามา แล้วนั่งลงเคียงข้างฉัน
ใช่แล้ว...นั่งลงตรงนี้
เปิดเผยทุกสิ่งในใจให้โลกรู้
เพราะพรุ่งนี้คือวันพิพากษาจงรินเหล้าให้ฉันที ให้โลกหมุนเวียนอีกครั้ง
เพราะวันนี้ไม่มีใครล่วงรู้ได้เลย
ว่าพรุ่งนี้พระผู้ไถ่บาปจะเสด็จมาหรือไม่
และนี่...อาจมิใช่ครั้งสุดท้ายของเราสรุปก็คือ ชีวิตยุคกลางมันบัดซบมากครับ ทุกคนสิ้นหวัง ใช้ชีวิตแบบช่างแม่งไม่มีอนาคต ไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้ว
โรคระบาด สงคราม ความอดอยาก
เป็นชาวบ้านอยู่ดีๆ วันต่อมาทั้งหมู่บ้านโดนปล้นจากกองทัพขุนนางอื่น