เพราะแต่งนิยายโดยเอาพล็อตย้อนยุค เลยพยายามคิดว่าผู้หญิงยุคก่อนของจีนต้องนิสัยยังไง
คิดว่าผู้หญิงยุคก่อนเผลอๆไม่เคยเห็นหน้าว่าที่เจ้าบ่าวมาก่อนด้วยซ้ำ ได้เห็นจริงๆก็ตอนที่
งานพิธีวิวาห์ ก็เลยกลายเป็นจะต้องรักให้ได้ จะต้องมีความรู้สึกรักให้ได้ และจะต้องทำให้
สามีรักให้ได้ ลูกคือทุกสิ่งอย่าง ถ้ามีลูกจะต้องสร้างบันไดให้ลูกได้กลายเป็นลูกรักของพ่อ
เรื่องภายในบ้าน ก็ต้องมีความสามารถจัดการระเบียบ มีกลยุทธช่ำชอง รู้จักมารยา การวางตัว
ทำตัวให้แม่สะใภ้รัก ไม่งั้นก็หาทางเชือดแม่สะใภ้แม่ง!! จริตต้องมี ไม่งั้นคุมภริยาน้อยของสามี
ไม่ได้ แล้วจะอยู่ห่างจากพวกผู้หญิงในนิยายจีนไปทำไม พวกเธอคอยจัดการหลังบ้าน
ดูแลหลังบ้าน และดูแลเส้นสายที่เข้าประตูทางหลังบ้าน สามีจะชีวิตจะมีความสุขนะ ไม่ต้อง
ห่วงอะไรจุกจิก ถ้าเจอเมียดีเจ้าเล่ห์หน่ะ
ทนได้ทุกอย่างก็เพื่อลูก ก็แหงหล่ะ ในบรรดาภรรเมียของนิยายจีน ใครมีลูกนี่อำนาจมาเลยนะ
ยิ่งมีลูกชายยิ่งอำนาจมากโข จะต้องทำทุกอย่างให้ลูกเป็นใหญ่ เป็นผู้สืบทอด ส่วนเรื่องให้สามี
หลงใหล มันก็ธรรมดา การเป็นที่โปรดย่อมมีหน้ามีตา ได้ความยำเกรง
ที่อัตราโสดหญิงจีนเยอะขึ้น เพราะพวกเธอไม่มีตัวช่วย กลายเป็นว่า นอกจากจะต้องทำงาน
เหมือนที่สามีที่ต้องทำมาหากิน ยังต้องทำงานบ้าน หน้าที่เลี้ยงลูกยังอยู่ที่ภรรยา แล้วยังต้อง
ดูแลคนในตระกูลสามี แต่ยุคนี้ยังจะต้องดูแลพ่อแม่ตัวเองแม้จะแต่งงานแล้ว กลายเป็นเพิ่ม
ภาระดับเบิ้ลคูณ2 3 4 ไม่เหมือนยุคจีนโบราณ
การอยากมีลูกก็เพื่อการันตีความรักจากสามี อย่างน้อยเราก็คือแม่ของลูกเขา
จักรวาลของผู้หญิงโบราณคือ จักรวาลในบ้าน
อ่านยังไม่หมด ต้องทำงานต่อ เอาเท่านี้ไปก่อน
ขอบคุณครับท่าน รับ social credit score ไป 20 แต้มกับคูปองอุตสาหกรรม 20 ใบ ไปแลกของฟุ่มเฟือยอย่างจักรยานและเนื้อปลาได้ที่หัวหน้าคอมมูนนะครับ

...
ผมอาจจะติดนิสัยแนวคิดปัจจุบันมามากเกินไป
พอเจอว่า อาหารน้ำซุปให้หฃานชายกินก่อนนี่ก็ตกใจพอสมควรเหมือนกัน
ผมว่าผู็หญิงจีนปัจจุบันน่าสงสารเหมือนกัน
อยากจะวัตถุนิยมเป็นผู้หญิงเก่งกล้า แต่คนที่ประสบความสำเร็จมีได้ไม่กี่คนในสังคม
ทางเทคนิคหน่วยครอบครัวและชนเผ่าคือมาตรการรักษาความปลอดภัยทางสังคมอย่างหนึ่งมาตั้งแต่ครั้งโบราณ
เจอประโยคว่า "เกิดอะไรขึ้นญาติพี่น้องช่วยเหลือ" เพราะมันเป็นระบบอย่างนี้ล่ะ
หากเราตัดขาดจากญาติ พวกเขาก็อาจจะตัดขาดกับเราเช่นกัน
การที่จะเป็นอาเจ๊ใหญ่ ก็ต้องมีคนมาพึ่งมากมาย
ที่ผมประทับใจคือคุณสมบัติสำคัญคือสูว 175 ซม.ขึ้น
เอาเข้าไปสมัยนั้นคนที่ทานอาหารแลกแต้มคูปอง คงมีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆยาก
อย่างนี้ที่เราไปหลอกลวงผู้ชายทั่วไปว่าหน้าตา ส่วนสูงไม่สำคัญ meme ที่ตะวันตกเล่นว่าต่ำกว่า 6ฟุตคือ manlet
พวกโทรลฝรั่งก็พูดจริงสิครับ?

..
หมายถึงว่าเจอหน้าก็เขม่นกันแล้วน่ะครับ สำหรับบสะใภ้ใหญ่รองสองสามสี่ห้าในบ้านของเราและสามี
เรื่อง ชาวสวนแม่ลุกสามที่ผมอ่าน ผมว่าแม่สามีค่อนข้างใจดีแล้วนะ
ให้แยกบ้านอยู่ ให้อาหารให้เงินมากกว่า
ถือว่าเอาใจมากกว่าคนอื่นๆด้วย แค่ตำหนิเรื่องการใช้ฟุ่มเฟือยแบบผู้หญิงปัจจุบัน
ที่เรามองเรื่องการกินเนื้อ กินปลาเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่ยุคคอมมูนที่ทั้งหมู่บ้านมีหมูไม่เกินสองตัวว่าอย่างนั้น

เรื่องสร้างศัตรู
ผมกำลังสร้างสูตรสมการว่า ผู้หญิงมีสัญชาตญาณสัตว์ป่าแฝงอยู่เอามากๆ
ใครแปลกถิ่นเข้ามา จะพองตัว มองตั้งแต่หัวจรดเท้า ประเมินพลังวัตรของกันและกัน
ผมเห็นด้วยวว่าท่านมองในแง่ดีว่าหากมีเมียดี ดูแลหลังบ้านได้จะมีความสุข
แต่ผมมองว่าพวกคุณเธออาจจะสร้างศัตรูที่ไม่จำเป็นต้องสร้างน่ะครับ
อย่าง เคสเอี้ยก้วยอย่างนี้
อึ้งยึ้งที่ฉลาด สร้างศัตรูโดยไม่จำเป็นว่าอย่างนั้น
แทนที่จะจับแต่งงานกับก๊วยพู๊ ดันสนับสนุนพี่นน้องสกุลบู๊แทน
ไม่ต้องไรมากเลยอ่านมู้พันทิปเมื่อวานสาวออกมาบ่น
เหมือนว่าฉันต้องมาทำงานใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ..
คือนางตกงานหลายเดือน ผัวก็เลยรูดบัตรมาพยุงครอบครัว
พอนางหางานได้ ผัวก็เลยบอกให้ช่วยกันใช้หนี้ด้วย
นางก็เลยมาบ่นน้อยใจ แถมมีโพสทำนองฉันเงินเดือนมากกว่าผัวแล้วทำไม.....
แน่นอนนางก็โดนด่าจากมวลมหาประชาชนสิครับ
เพราะผัวนางทำงานคนเดียวเลี้ยงนางมาตั้งหลายเดือน
พอนางกลับมาทำงานไม่กี่เดือนทำมาบ่นไม่มีตังเหลือไปช็อปเพราะต้องใช้หนี้บัตร
เรื่องนี้ผมเหมือนอ่านซ้ำแล้วศ้ำเล่าเลยครับ
สามีภริยาลำบากมาด้วยกัน สามีส่งภริยาจบบริหารธุรกิจ
จบการศึกษาปุ๊บ เธอเฃลิกกับสามีไปมีคนอื่นเลย

ก็เข้าใจอยู่ มองจากปฏิบัตินิยม เรื่องผลประโยชน์และทรัพยากรแล้ว
การมีปริญยาจะมีทางเลือกให้เราได้มากกว่าการมีสามีจนจนแบบเดิม เพระาสร้างโอกาสพบผู้ชายและหน้าที่การงานดีดีมากกว่า
แต่ว่าเพราะคำนวณแค่ผลประโยชน์นี่ล่ะมันเลยน่าเศร้า
..
ผมรู้สึกว่าพวกผู้หญิงมีแนวคิดว่าการมีสามีคือคนที่จะมาล้างหนี้บัตรเครดิตให้พวกคุณเธอน่ะครับ ส่วนเงินของเธอก็คือเงินของเธอแบบเดียวกับไจแอนท์พูด
นี่ไม่ได้ตำหนิใใคร คือ ผมไปอ่านเจอมาในบอร์ดฝรั่งที่มาบ่นว่าภริยาทิ้งไปเหมือนกันหลังจากจบปริญญา นับว่าเป็นปรากฎการณ์ที่เหมือนกันทั่วโลกล่ะมั้ง
ผมมองว่าสามีภริยาช่วยกันแบกรับหนี้ ประคองครอบครัวให้รอดคือเรื่องที่ดี
แต่บางทีการได้ผลประโยชน์มันมีอีกทางหนึ่งคือต่างตอบแทน
"ช่วยเหลือกันเมื่อบยยามลำบาก" มันไม่ใช่เรื่องของการรับฝ่ายบเดียว แต่คือเรื่องของการช่วยฝ่ายตรงข้ามด้วย
แน่นอน หากเราเป็นฝ่ายช่วยสามี เราเสียทรัพยากรและเงินตราแน่นอนล่ะ
แต่นั่นคือการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว
กฎหมายกำหนดให้สามีภริยาเป็นบุคคลเดียวกันยในด้านทรัพย์สิน และสินส่วนตัว สินสมรสแยกกันหลังจากที่ได้แต่งงานก็เพระาอย่างนี้ล่ะครับ
อยู่ด้วยกันแม้แต่ทางกฎหมายยังรู้เลยว่ามันแยกทรัพย์สินออกจากกันอย่างสิ้นเชิงไม่ได้

เจอประโยค
"ความรักอย่างเดียวอยู่ด้วยกันไม่ได้ ต้องมีเงินด้วย" ในเรื่องแล้วทำให้ผมขนลุกขึ้นมาเหมือนกัน
บางที นี่คือสาเหตุที่ผู้ชายไม่คิดแจต่งงานล่ะมั้ง
หากมองดูแค่ตัวเลข ผู้ชายก็พยายามลดความเสี่ยงของตนเองเหมือนกัน
มันสนุกเพราะมุมมองชายครับแต่หณิงน้อยคนจะสนุกด้วยบริบทมันยัดความต่ำหณิงในสังคมอดีต แต่ผลิกโฉมบ้างด้วยความรู้ปัจจุบันแต่นะแต่ถ้าลองเปรี่ยนบทตัวเอกเป็นชาย มันจะไม่จบแค่อยู่บ้านเลี้ยงลูกครับนิยายแนวนี้อ่านสนุกเพราะตัวเอกหณิงมันทำอะไรได้จำกัดครับ แต่สุดท้ายก็คือนิยายเหยียดเพศอยู่ดีทุกอย่างจบแค่ครอบครัวมีความสุข
เหยียดเพศผมอ่านแล้วรู้สึกเลยครับ ฮา
ว่าทานอาหาร แบ่งให้หลานชายก่อนอย่างนี้
นึกย้อนกลับไป ที่ผู้หญิงมองว่าผู้ชายได้เปรียบกว่าเพราะเจอกับอาม่าทำยอ่างนั้นกับตนเองมาตั้งแต่เกิดล่ะมั้ง
แนวคิด
"หลานสาวเดียวมันก็มีผัวแยกครอบครัวไป หลานชายยังเป็นที่พึ่งอยู่ได้"
หากมันพึ่งไม่ได้ ขอแค่มันมีลุกได้ ผลิตจรุ่นต่อไปมาก็โอเคแล้ว
ครอบครัวนี่คืออุตสาหกรรมมนุษย์นั่นล่ะครับ
