ต้องทำใจอย่างนึง เรื่องนี้คนเขียนค่อนข้างโปรเผด็จการนะ เลยเขียนให้ออกมาแนวนั้น
ผมพยายามทำใจเป็นกลางในการวิจารณ์
แฟนๆบอกว่าคนเขียนวิจารณ์ทั้งสองฝ่าย
แต่ผมว่าไม่น่าจะใช่
มีคนลอบสังหารฆ่าหยางไปก็โอเค
แต่ไรน์ฮาร์ทที่บรรยากาศน่าจะโดนลอบสังหารมากกว่าหลายสิบเท่ากลับรอดชีวิตจนป่วยตายตอนจบได้ว่าอย่างนั้นล่ะครับ
ทั้งที่บรรยากาศของราชวงศ์มันน่าโดเนมากกว่าตั้งเยอะในสถานการณ์ที่ีมีลุกน้องยอมมือเปื้อเลือดเพื่อแก้ปัญหาให้แทนอีกต่างหาก
ในทางกลับกันร หยางทางเทคนิคก็เป็นแค่หัวหน้ากองกำลังทหาร เคารพฝ่ายรัฐบาลพลเรือน
ลอบสังหารหยางมีผลอะไรในทางการเมือง ในเมื่อหยางไม่ได้ใช้กองยานรบไปยึดอำนาจอะไรใคร?
อาจจะบอกว่าการลอบสังหารมันเกิดขึ้นได้ แต่กับจักรพรรดิที่ตื้บ ยึดอำนาจขุนนางคนอื่นๅ ใหญ่คนเดียว ไม่กลายเป็นเป้าที่ดีกว่าหยางหรือ?
..นี่ผมคิดเองประมาณว่าน่าจะเอาแบบมาจาก ออกัสตุส ของโรมัน
ที่ประชาชนผ่านสงครามกลางเมืองมายาวนาน จุดจบของสาธารณรัฐจุดเริ่มต้นของจักรวรรดิโรมัน
ที่ประชาชนมีความเป้นอยู่สงบสุขขึ้น หลังจากมีการปรับปรุงกฎหมาย การจัดเก็บภาษีหยุดสงครามและอำนาจของสภาซรเนต
ออกัสตุสอยู่ประชาชนก็โดนลดพลังลงแต่ก็ได้อยู่อย่างสงบสุขเพราะสงครามจบ
แต่หากเอาตามประวัติศาสตร์ พอออกัสตุส ตายเท่านั้นล่ะเป็นเรื่อง
ฆ่ากันอีกแลบ้วครัท่าน แม้ว่าออกัสตุสจะเป็นจักรพรรดิที่เก่งก็ตาม
หากไรน์ฮาร์ทใช้มุกแบบเดียวกัน
ลูกหลานจากนั้นฆ่ากันแน่นอน ขอฟันธง
การที่ให้จบหลังจากไรน์ฮาร์ทตาย ผมมองว่านั่นล่ะคือสิ่งที่คนเขียนอวยทางไรน์ฮาร์ทมากกว่า
เพราะธรรมชาติของขุนนางน่ะ
มันเริ่มมาจากครอบครัวเดียวของราชานั่นล่ะ
และกระจายอำนาจ แบ่งดินแดนการปกครองที่หลัง
ไรน์ฮาร์ทยึดอำนาจมา อ้างว่าเก่งอย่างออกัสตุสก็โอเค
แต่หลังจากตายไปแล้ว ระบบก็เวียนกลับมาเป็นอย่างเดิมนั่นล่ะ
ที่คนเขียนไม่กล้าเขียนถึง
ประชาธิปไตยเหมาะสมในยามบ้านเมืองสงบสุข ยามวิกฤตอุดจุดอ่อนด้วย กฏอัยการศึกเคอร์ฟิวเอย หรือ
กฏความมั่นคงต่างๆเอย แต่มันก็กลบจุดอ่อนในยามภาวะวิกฤตได้ไม่ดีเท่าเผด็จการ
เผด็จการเหมาะในยามศึกสงคราม ยามบ้านเมืองสงบสุขกลบจุดอ่อนด้วย สร้างเขตการค้าเสรีเอย หรือ
กฏหมายผ่อนผันต่างๆเอย แต่มันก็กลบจุดอ่อนในยามสร้างเศรษฐกิจได้ไม่ดีเท่าประชาธิปไตย
ในสปอยล์เป็นข้อความออกทะเลหัวกระทู้ แต่น่าสนใจในทัศนคติของคนชอบเผด็จการ
[spoiler/]
แนวความคิดประมาณ เทคโนแครตหรือการปกครองแนวคิดโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถในด้านนั้นๆ
ปันยญหาจากกรีกโบราณที่ถามว่า
หากจะอบรมลูกของท่านในด้านยิทมนาสติค จะฟังพวกเราทั้งสี่คนที่เป็นนักปรัชญาหรือฟังคำสอนจากอาจารย์สอนยิมนาสติค?
ก็ตอบว่าฟังคำสอนของยิทมนาสติค แม้ว่าทั้งสี่คนจะมีคะแนนเสียงมากกว่าและเป็นนักปรัชญาที่มีชื่อเสียงในเอเธนส์ก็ตาม
คำถามคือ
สังคมทั้งสังคม ไม่ได้มีแต่นักยิมนาสติค
แต่มีช่างประปา
คนขับสามล้อ แพทย์ ตำรวจฯลฯ
เราควรจะฟังใครในการที่จะลากบ้านเมืองไปทางไหน?
แม้แต่ท่านสีเองก็มองว่าคอมมิวนิสม์มันไม่เวิร์ก เขียนลงในวิทยานิพนธ์ของท่านเองด้วยซ้ำ
ต้องแถว่า "ท่านเหมาดีเจ็ดส่วน เสียสามส่วน" เพื่อให้หันเข้าหาทุนนิยม ให้ประชาชนมีกินได้มากกว่าการไปอดอยากในคอมมิวนิสม์
นั่นคือพลังของประชาชนชั้นกลางและทุนนิยม ที่ทำให้จีนยิ่งใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว...
แต่ปัญหาตามมาคืออะไร?
ท่านสีก็มองว่าชาวจีนเศรษฐี ในออสเตรเลีย ในตะวันตก
ไม่จงรักภักดีต่อจีนจริงๆ
แม้จะส่งไปเพื่อครอบงำเศรษฐกิจของชาวบ้าน
แต่ก็ไว้ใจไม่ได้
เพราะเมื่อคนเราเป็นเศรษฐีสุขสบายแล้ว
จะกลับไปฟังคตำสั่งท่านสีทำไม?
มุกหนึ่งที่ผมเจอคือ อเมริกาคือบ่อหลอมวัฒนธรรม
คนเคยเป็นพรามหณ์อยู่อินเดีย
มาอเมริกาก็กลายเป็นคนอเมริกันธรรมดา
ความเป็นวรรณะพรามหณ์ทิ้งไว้ที่อินเดีย
ทั้งที่ตอนเด็กเขาว่าเขาเคยฝึกการท่องบทสวดแบบพรามหณ์ด้วย
เพราะเสรีภาพ มันล้างสมองคนได้ดีกว่าความจงรักภักดีต่อขนบเดิมล่ะครับ