ไม่ลองแต่งว่ายุทภพไม่มีวิชาเวอร์วังแบบในนิยายมีแต่กระบวนท่าและวิชาที่เก่งกว่าคนไม่ฝึกแล้วเอาตัวเอกในปัจจุบันไปมีความรู้พวกสร้างปืืนทำระเบิดไห้จอมยุทธยุคนั้นเข้าใจผิดว่าพระเอกแม่งเทพ
ก็น่าสนใจครับฮา
แต่หากไม่มีวิชาไว้พระเอกจะตายเอาน่ะครับ
เพราะสไตล์กิมย้งผสมอุนสุยอัน วันดีคืนดีก็จะเจอสายลับที่ปลอมตัวมาฆ่าเราได้
หากออกแนวไม่มีกำลังให้โชว์อย่างมาเฟียบู๊ลิ้มก็อาจจะแปลกไปอีกแบบ แต่พระเอกจะตายเอา
...
มีแนวคิดหนึ่งที่ผมคิดมุกเอาไว้คือ "war profiterring"หาผลประโยชน์จากสงคราม
ขีดขั้นของนักพิชัยยุทธ จากตำราของเจ้าแห่งการสงคราม หม่าลาก้า(อเมริกา)
ว่าเราไม่จำเป็นต้องชนะ ให้สงครามดำเนินไปเรื่อยๆก็พอแล้ว
นี่คือเรื่องหนึ่งที่ผมไม่เห็นด้วยกับมาเฟียบู๊ลิ้ม ที่บอกว่า คนมีวิชาจะเผชิญกับปัญหาต่างๆ ทำสงครามขยายเขต แต่จะถึงขีดจำกัด...ความจริงแล้วไม่ใช่เลย
เราสามารถทำสงครามหล่อเลี้ยงสงครามได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่มีความจำเป็นต้องหยุดเลยแม้แต่น้อย
คนเขียนมาเฟีย ยังมองโลกในแง่ดีไป
ยิ่งมีวรยุทธ ยิ่งดี ยิ่งขยายขอบเขตก็ยิ่งดี มีศัตรูและทำสงครามเรื่อยๆก็ยิ่งดี
war profittering การหาประโยชน์จากสงครามจะสร้างวงจรการสงครามที่ไร้จุดจบ
สรุปคิอ ที่บอกว่าจะเกิดปัญาหาเมื่อขยายขอบเขตนั้าไม่จริงน่ะครับ
ให้มองว่าสงครามคือวงจร หรือระเบียบงานประจำ จะเข้าใจสภาพแนวคิดการทำสงครามปัจจุบันได้ดีกว่า
ว่าการหยุดนั้นยากกว่ามาก
...
มุกที่ผมคิดคือ พระเอกสู้กับประมาณ ซือเฟยเซวียนแห่งเรือนฌาณเมตไตรย ที่หวังให้แผ่นดินสงบ
พระเอก ไม่มองอย่างนั้นเลยเกิดความขัดแย้งกัน
...
อีกมุกหนึ่งที่คิดไว้คือ ถ่ายทอดวรยุทธให้ทหารเลว
แม้แต่กิมย้ง ก็เล่นมุกนี้ว่า ทหารโล่หวายสามพันคน ฝึกเพลงดาบเลียดดิน ฟันขาคนขาดได้นับพัน
หมายคสามว่าวิชาเทพๆ เอามาแค่กระบวนท่าก็เปลี่ยนสภาพการรบได้แล้ว
หรือมุกของมหาบุรุษพลิกปฐพี ที่ถ่ายทอดเพลงทวน ผสมกับการจัดกองทัพแบบโรมันตื้บพวกแปดกองธงของแมนจูได้