แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก

ผู้เขียน หัวข้อ: คิดอย่างไรต่อ"ด้านมืดของพลัง" ในนิยายหรือการ์ตูนครับ?  (อ่าน 2320 ครั้ง)

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,424
  • ถูกใจแล้ว: 3122 ครั้ง
  • ความนิยม: +189/-432
คือผมคิดถึงเรื่องปัญหาของการที่นิยายหรือการ์ตูนดำเนินเรื่องในแนวทาง"เข้าสู่ด้านมืดของพลัง"

ไม่ว่าในแนวทางกำลังภายใน พลังจิต เวทมนตร์ฯลฯ คนอ่านทุกคนยอมรับกันแบบไม่มีข้อสงสัยว่าด้านมืดจะแข็งแกร่งมากกว่าแต่มีข้อเสียที่ตามมาทำให้ไม่เป็นที่นิยม เช่น อันตรายในการฝึก ผลผิดปกติต่อสภาพจิตใจ ร่างกายเกิดการกลายสภาพ ฯลฯ


แล้วแต่ที่เนื้อเรื่องนั้นจะกำหนด ..แต่มันมีเรื่องที่ผมค่อนข้างจะติดใจในแนวด้านมืดของพลังนี้

คือปกติแนวคิดด้านมืดนั้นจะมีแนวความคิดแฝงก็ประมาณที่ โยดาพูดเอาไว้ว่า ไม่ใช่แข็งแกร่งกว่าแค่ ง่ายดายกว่า ยั่วยวนกว่า

พวกที่เป็นคนที่เกิดผลข้อเสียจากด้านมืดเช่นกลายเป็นแวมไพร์ กูลหน้าตาน่าเกลียดกินซากศพ หรือกลายเป็นพ่อมดทึ่ร่างกายเต็มไปด้วยออร่าด้านมืดทำให้หน้าตาอัปลักษณ์...แต่พวกนั้นนับการตามลำดับขั้นบันไดของสายพลังคือพวกระดับนู๊บในด้านมืดของพลัง

พวกระดับบอสจะมีการเขียนต่อท้ายว่า "ด้วยวอร์ล็อคศึกษาด้านมืดอย่างถ่องแท้ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากด้านมืดของเวทมนตร์อีกต่อไปเลยไม่มีสภาพผิดปกติ"

"แวมไพร์มาสเตอร์ผ่านเวลามาหลายร้อยปีทำให้ฝึกจิตใจให้ต่อต้านการกระหายเลือด และของศักดิ์สิทธิ์และแสงอาทิตย์ไม่มีผลคุกคามต่อแวมไพร์มาสเตอร์อีกต่อไป"

"ดาร์ธซีเดียสได้ศึกษาด้านมืดจนชำนาญจนไม่อาจกล่าวได้ว่าเขาถูกครอบงำโดยด้านมืดของพลังอีกต่อไป จนอาจกล่าวได้ว่า เขาคือด้านมืดของพลังและด้านมืดของพลังก็คือตัวเขาไม่มีการแบ่งแยกอีกต่อไป"

คือ เหมือนคติที่ว่าเข้าด้านมืดแล้วมีข้อเสียใช้ไม่ค่อยได้กับระดับตัวท็อปของเรื่องน่ะครับ

แทนที่จะให้คติว่า"ด้านมืดจะครอบงำตัวเราไปสู่ทางวิบัติ" ดันกลายเป็น "พวกที่เข้าด้านมืดแล้วเกิดผลร้ายคือพวกนู๊บ ให้เข้าศึกษาด้านมืดแบบพวกโปรแล้วจะเจริญ"

คือระบบด้านมืดนี่เหมือนจะลงโทษคนที่ทำครึ่งๆกลางๆมากกว่า แต่พวกไปให้สุดทางหรือเทิร์นโปรได้นั้นแทบไม่มีข้อเสีย

เรียกว่าเป็นระบบที่ให้รางวัลคนที่เป็นจูนิเบียว เชื่อมั่นในหนทางที่ตนเองเลือกว่าถูกต้องที่สุดมากกว่าคนที่ลังเล

คนลังเลจะเกิดผลเสีย แต่คนที่ไปสุดทางนั้นคือบอสของเรื่อง

ทุกท่านคิดว่าอย่างไรบ้างครับ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 02, 2018, 12:40:52 AM โดย samuison »
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Alphanet, Exboss, SorryForWhat และมีอีก 0 หมีที่ถูกใจสิ่งนี้

ออฟไลน์ According to

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,549
  • ถูกใจแล้ว: 436 ครั้ง
  • ความนิยม: +32/-29
ผมว่าด้านมืดมันคือการอุปมาถึงความชั่วครับ เลือกกระทำตามความต้องการของตนโดยไม่สนความชอบธรรม การอาศัยทางลัดผิดๆ ที่ง่ายกว่า
- การปล่อยใจตามความอยากง่ายกว่าระงับความอยาก
- หาเงินด้วยวิธีผิดกฎหมายได้เร็วได้มากกว่าถูกกฎหมาย
- ยึดอำนาจด้วยอาวุธง่ายกว่าการครองใจประชาชน


ซึ่งผลเสียของด้านมืดมันไม่ได้มีแค่สิ่งที่เป็นรูปธรรมให้เห็นเท่านั้น มันฝังลึกกว่านั้น
- หากปล่อยใจตามกิเลส ย่อมไม่มีคำว่าพอ เมื่อไม่ได้ย่อมเป็นทุกข์ เมื่อได้แล้วก็อยากได้อีก วนเวียนไม่มีที่สิ้นสุด
- หาเงินด้วยวิธีผิดกฎหมาย ไม่มีใครรู้ตัวเองก็รู้ เงินที่มาง่ายมันก็ไปง่าย หวาดกลัวว่าจะโดนจับ มีเงินก็ไม่มีความสุข
- ยึดครองด้วยอาวุธก็กลัวที่จะต้องไปด้วยอาวุธ ต้องนั่งบัลลังก์อย่างหวาดระแวงว่าจะมีใครมายึดต่อ จะมีลูกน้องคนไหนแอบแทงตอนหลับไหม อาหารแต่ละจานจะมียาพิษไหม ไม่สามารถเชื่อใจใครได้

พวกที่เข้าด้านมืด ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็มีแต่ศัตรู มีผู้คอยต่อต้าน จ้องล้ม ไม่มีมิตรแท้ ลูกน้องก็พร้อมเอาใจออกห่างได้ตลอด นั่นแหละคือผลจากด้านมืดที่ฝึกยังไงก็ไม่มีวันลบได้
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Kimi no Yume

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,389
  • ถูกใจแล้ว: 4070 ครั้ง
  • ความนิยม: +347/-403
พลังก็คือพลังไม่ว่าด้านมืดหรือสว่างพลังไม่มีความผิดที่ผิดก็คือคนไช้ไม่ว่าพลังด้านมืดจะมีข้อเสียขนาดไหนถ้าคนไช้ดีมันก็ดีกลับกันพลังด้านสว่างไม่ว่าจะดีขนาดไหนถ้าจะเลวซะอย่างมันก็ดีไม่ได้หรอก ความมืดแต่แรกมันก็ไม่ได้ชัวร้ายแต่คนร้ายมักไช้ความมืดทำชัวต่างหากแน่นอนว่าที่สว่างมันทำชัวยากเพราะคนเห็นง่ายเท่านั้นกลับกันถ้าทำชัวในที่สว่างได้จะต้องมีอำนาจมากขนาดกลับขาวเป็นดำได้
ปล.ถ้าในเมะมังงะนิยายพลังความมืดมันเท่กว่าแสงอะดูดึงดูดกว่าได้โขเลยถ้าไม่สนเรื่องดีเลวนะยกตัวอย่างเช่นท่านจะเลือกคลาสอะไรระหว่างนักรบแสงกับนักรบมืดหรือจอมเวทแสงกับจอมเวทมืดละ

ออฟไลน์ According to

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,549
  • ถูกใจแล้ว: 436 ครั้ง
  • ความนิยม: +32/-29
พลังก็คือพลังไม่ว่าด้านมืดหรือสว่างพลังไม่มีความผิดที่ผิดก็คือคนไช้ไม่ว่าพลังด้านมืดจะมีข้อเสียขนาดไหนถ้าคนไช้ดีมันก็ดีกลับกันพลังด้านสว่างไม่ว่าจะดีขนาดไหนถ้าจะเลวซะอย่างมันก็ดีไม่ได้หรอก ความมืดแต่แรกมันก็ไม่ได้ชัวร้ายแต่คนร้ายมักไช้ความมืดทำชัวต่างหากแน่นอนว่าที่สว่างมันทำชัวยากเพราะคนเห็นง่ายเท่านั้นกลับกันถ้าทำชัวในที่สว่างได้จะต้องมีอำนาจมากขนาดกลับขาวเป็นดำได้
ปล.ถ้าในเมะมังงะนิยายพลังความมืดมันเท่กว่าแสงอะดูดึงดูดกว่าได้โขเลยถ้าไม่สนเรื่องดีเลวนะยกตัวอย่างเช่นท่านจะเลือกคลาสอะไรระหว่างนักรบแสงกับนักรบมืดหรือจอมเวทแสงกับจอมเวทมืดละ
ถ้าคนใช้เป็นคนดีได้แบบนั้น มันน่าจะเรียกว่าพลังสายความมืดหรือเวทสายความมืดนะครับ คนละอย่างกับด้านมืดของพลังซึ่งหมายถึงการเข้าสู่ด้านชั่วร้ายเพื่อแลกกับพลัง
 

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,424
  • ถูกใจแล้ว: 3122 ครั้ง
  • ความนิยม: +189/-432
พลังก็คือพลังไม่ว่าด้านมืดหรือสว่างพลังไม่มีความผิดที่ผิดก็คือคนไช้ไม่ว่าพลังด้านมืดจะมีข้อเสียขนาดไหนถ้าคนไช้ดีมันก็ดีกลับกันพลังด้านสว่างไม่ว่าจะดีขนาดไหนถ้าจะเลวซะอย่างมันก็ดีไม่ได้หรอก ความมืดแต่แรกมันก็ไม่ได้ชัวร้ายแต่คนร้ายมักไช้ความมืดทำชัวต่างหากแน่นอนว่าที่สว่างมันทำชัวยากเพราะคนเห็นง่ายเท่านั้นกลับกันถ้าทำชัวในที่สว่างได้จะต้องมีอำนาจมากขนาดกลับขาวเป็นดำได้
ปล.ถ้าในเมะมังงะนิยายพลังความมืดมันเท่กว่าแสงอะดูดึงดูดกว่าได้โขเลยถ้าไม่สนเรื่องดีเลวนะยกตัวอย่างเช่นท่านจะเลือกคลาสอะไรระหว่างนักรบแสงกับนักรบมืดหรือจอมเวทแสงกับจอมเวทมืดละ


นั่นคือข้อที่ผมพยายามวิเคราะห์อยู่ครับ


อย่างฮิโซกะที่พูดว่า สายเสริมพลังเป็นพวกเถรตรง ..มันมีแนวคิดเรื่อง ธาตุต่างๆมีผลกระทบต่อสภาพจิตใจ เช่น ธาตุไฟ อารมณ์ร้อนแรง ธาตุลมเป็นพวกรักอิสระไม่ชอบกฎเกณฑ์ ธาตุมืดเป็นพวกชอบยึดติดและปกปิดตนเอง ฯลฯ


มันมีแนวทางของหลายเรื่องที่พยายามสื่อว่าพลังขึ้นอยู่กับคนใช้ แต่ไม่ใช่ไร้ผลกระทบต่อสภาพจิตใจของคนใช้


หากผมเปรียบเลยก็คือ ที่เบลลาทริกซ์กล่าวไว้ว่า"ต้องการทำให้คนเจ็บปวดจริงๆ"


ซึ่งก็ไม่ใช่ประโยคที่แปลกอะไรหากเทียบจากนิยายหลายเรื่อง เพราะด้านสว่างหรือด้านมืดก็ตามอยู่ที่ความมั่นคงของสภาพจิตใจว่า "เราสามารถทำอย่างนั้นได้"


มีนิยายเรื่องหนึ่งอธิบายประกอบได้ดี ผมคิดว้าเอามาอธิบายกับคำสาปโทษผิดสถานเดียวหรือคำสาปพิฆาตได้ว่า




การที่เราฆ่าคนอื่นได้ มาจากแนวความคิดที่เราเชื่อมั่นอย่างแท้จริงว่าเรามีอำนาจเหนือความเป็นตายของคนอื่น


คนที่เชื่อมั่นอย่างแท้จริงว่าตนเองสามารถมีอำนาจสั่งตายคนอื่นได้จะกลายเป็นคนอย่างไร?


ที่ท่านพูดก็อาจถูกว่า เวทย์ขึ้นอยู่กับคนใช้ แต่หากการใช้เวทย์นั้นอยู่ที่สภาพจิตใจขอวคนก็อย่างที่ผมบอกไปว่าพวกไร้ความลังเลจะกลายเป็นบอส ส่วนพวกนู๊บเท่านั้นที่จะได้รับผลเสีย


http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ nosta

  • แม่ทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 2,522
  • ถูกใจแล้ว: 1150 ครั้ง
  • ความนิยม: +106/-145
ในนิยามสตาวอร์ โยดาบอกว่า พลังสว่างแกร่งกว่า แต่ด้านมืดแค่ฝึกง่ายกว่า แต่เอาจริงๆไอ้ตัวบอสมันไม่มีไครเดี่ยวๆเอามันลงได้นะ ลุคกับท่านพ่อต้องช่วยกันรุมกระทืบ ลุคเป็นตัวล่อ เวเดอร์ตุ๋ยหลังถึงจะเอามันลง หรือพลังแห่งความสามัคคีถือเป็นพลังด้านสว่างด้วย ไม่ได้ว่าผิดนะ ผมสู้ไม่ได้ผมก็รุม
 

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,389
  • ถูกใจแล้ว: 4070 ครั้ง
  • ความนิยม: +347/-403
[quote/]


นั่นคือข้อที่ผมพยายามวิเคราะห์อยู่ครับ


อย่างฮิโซกะที่พูดว่า สายเสริมพลังเป็นพวกเถรตรง ..มันมีแนวคิดเรื่อง ธาตุต่างๆมีผลกระทบต่อสภาพจิตใจ เช่น ธาตุไฟ อารมณ์ร้อนแรง ธาตุลมเป็นพวกรักอิสระไม่ชอบกฎเกณฑ์ ธาตุมืดเป็นพวกชอบยึดติดและปกปิดตนเอง ฯลฯ


มันมีแนวทางของหลายเรื่องที่พยายามสื่อว่าพลังขึ้นอยู่กับคนใช้ แต่ไม่ใช่ไร้ผลกระทบต่อสภาพจิตใจของคนใช้


หากผมเปรียบเลยก็คือ ที่เบลลาทริกซ์กล่าวไว้ว่า"ต้องการทำให้คนเจ็บปวดจริงๆ"


ซึ่งก็ไม่ใช่ประโยคที่แปลกอะไรหากเทียบจากนิยายหลายเรื่อง เพราะด้านสว่างหรือด้านมืดก็ตามอยู่ที่ความมั่นคงของสภาพจิตใจว่า "เราสามารถทำอย่างนั้นได้"


มีนิยายเรื่องหนึ่งอธิบายประกอบได้ดี ผมคิดว้าเอามาอธิบายกับคำสาปโทษผิดสถานเดียวหรือคำสาปพิฆาตได้ว่า




การที่เราฆ่าคนอื่นได้ มาจากแนวความคิดที่เราเชื่อมั่นอย่างแท้จริงว่าเรามีอำนาจเหนือความเป็นตายของคนอื่น


คนที่เชื่อมั่นอย่างแท้จริงว่าตนเองสามารถมีอำนาจสั่งตายคนอื่นได้จะกลายเป็นคนอย่างไร?


ที่ท่านพูดก็อาจถูกว่า เวทย์ขึ้นอยู่กับคนใช้ แต่หากการใช้เวทย์นั้นอยู่ที่สภาพจิตใจขอวคนก็อย่างที่ผมบอกไปว่าพวกไร้ความลังเลจะกลายเป็นบอส ส่วนพวกนู๊บเท่านั้นที่จะได้รับผลเสีย



ที่อยากจะบอกคือสายแสงนะถ้าได้เป็นบอสนะโหดครบเซ็ตไร้จุดบอดยิ่งกว่าบอสมืดไงยกตัวอย่างบอสมืดก็แค่พวกจอมมารจอมปีศาจแต่บอสแสงนี่เทพตกสวรรค์มหาเทพเทพสูงสุดเรียกว่าสเกลห่างกันไกลลิบลับแถมหายนะที่ก่อกมากกว่ากันลิบสรุปคือพลังมืดกลับใจเป็นได้แค่พระเอกพลังแสงกลับใจเป็นโคตรลาสบอสเอาแค่สเกลในโลกก็ได้มืดมิดสุดๆก็ได้แค่มาเฟียแต่สว่างไสไวยขาวสุดๆอย่างผู้นำประเทศกลับดำเป็นขาวได้อย่างฮิตเลอร์เลยนาบอกไว้ก่อนฮิตเลอร์มาจากการเลือกตังและช่วงแรกของสงครามคนในประเทศถือว่าเป็นวีรบุรษผู้กอบกู้ชาติเลยนา ถ้าในบ้านเราก็อแหวนเพรชแยงตานาฟิกาหรูและอื่นอีกมากมายเช่นนกเกาะไหล่

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,424
  • ถูกใจแล้ว: 3122 ครั้ง
  • ความนิยม: +189/-432
ในนิยามสตาวอร์ โยดาบอกว่า พลังสว่างแกร่งกว่า แต่ด้านมืดแค่ฝึกง่ายกว่า แต่เอาจริงๆไอ้ตัวบอสมันไม่มีไครเดี่ยวๆเอามันลงได้นะ ลุคกับท่านพ่อต้องช่วยกันรุมกระทืบ ลุคเป็นตัวล่อ เวเดอร์ตุ๋ยหลังถึงจะเอามันลง หรือพลังแห่งความสามัคคีถือเป็นพลังด้านสว่างด้วย ไม่ได้ว่าผิดนะ ผมสู้ไม่ได้ผมก็รุม


ใช่ครับ เรียกว่าเก่งสุดในจักรวาลแล้วทั้งในด้านมองอนาคตล่วงหน้าและเรื่องพลัง


ผมว่านี่คือตัวอย่างที่ดีว่า หาหเขียนเรื่องที่มีคนมีพลังมองอนาคตได้ก็ต้องกำหนดให้ตัวร้ายมีพลังมองอนาคตและปกปิดภาพนิมิตที่จะเกิดขึ้นได้เช่นกัน


ส่วนคนพ่อ อนาคิน คือchosen oneผู้ถูกสรรค์ เรียกง่ายๆว่าคือจีซัสของจักรวาลสตาวอส์ล่ะครับ


ดาร์ธซีเดียสเสียชีวิตเพราะโชคชะตากำหนดให้ตายจริงๆ


คือมันมีธีมของเรื่องว่า ซีเดียสโดนปราบได้ด้วยความรักของพ่อที่มีต่อลูกและการไถ่บาปของเวอเดอร์ที่กลับมาเป็นเจไดอนาคินอีกครั้ง


แต่ก็อย่างที่ท่านว่าล่ะครับ เดี่ยวๆไม่มีใครเอาลง ที่บอกว่ามองเห็นทุกอย่างในเหจุการณ์อนาคต ความจริงเป็นความสามารถที เมซวินดูหรือโยดาก็มี แต่ผู้มีพลังมองอนาคตนั้นวัดกันที่การปกปิดการมองเห็นของฝ่ายตรงข้ามและใครใช้การมองอนาคตได้เก่งกว่ากัน


[quote/]
ที่อยากจะบอกคือสายแสงนะถ้าได้เป็นบอสนะโหดครบเซ็ตไร้จุดบอดยิ่งกว่าบอสมืดไงยกตัวอย่างบอสมืดก็แค่พวกจอมมารจอมปีศาจแต่บอสแสงนี่เทพตกสวรรค์มหาเทพเทพสูงสุดเรียกว่าสเกลห่างกันไกลลิบลับแถมหายนะที่ก่อกมากกว่ากันลิบสรุปคือพลังมืดกลับใจเป็นได้แค่พระเอกพลังแสงกลับใจเป็นโคตรลาสบอสเอาแค่สเกลในโลกก็ได้มืดมิดสุดๆก็ได้แค่มาเฟียแต่สว่างไสไวยขาวสุดๆอย่างผู้นำประเทศกลับดำเป็นขาวได้อย่างฮิตเลอร์เลยนาบอกไว้ก่อนฮิตเลอร์มาจากการเลือกตังและช่วงแรกของสงครามคนในประเทศถือว่าเป็นวีรบุรษผู้กอบกู้ชาติเลยนา ถ้าในบ้านเราก็อแหวนเพรชแยงตานาฟิกาหรูและอื่นอีกมากมายเช่นนกเกาะไหล่


ผมมีแนวระบบการเล่นเกมส์แบบเกมส์rpg ไว้ครับที่อาจมองด้านสว่างไว้ในด้านลบอย่างท่านว่า


หากเป็นเกมส์การตกอยู่ในด้านสว่างคือจะไม่สามารถเลือกการดำเนินเรื่องที่เป็นกลางหรือด้านมืดได้หรือไม่สามารถเลือกตัวเลือกที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ส่วนตนได้


อารมณ์ประมาณพอเข้าด้านสว่างก็จะกลายเป็นถอยห่างจากทางโลกไป


ที่ท่านว่าคือแนวคิดว่าด้านสว่างมีข้อเสียก็อาจเป็นไปได้ครับถ้าแนวเรื่องนั้นพยายามจะอธิบายถึง"ความสมดุลย์" ของจักรวาล


แต่มันก็มีอย่างที่โยดาบอกไว้คือสายสว่างนั้นฝึกยาก ทำให้คนที่บริสุทธิ์เท่ากับทูตสวรรค์นั้นมียากเทียบกับคนเข้าด้านมืด


ที่ผมเคยคุยตอนที่พยายามสร้างระบบด้านมืด ด้านสว่างของพลัง พยายามจะหาข้อดีข้อด้อยของพลังสายสว่าง


ผมก็พยายามอย่างที่ท่านว่า ว่ามองด้านสว่างนั้นจะมีข้อเสียอะไรได้บ้างเช่นการมองในหลายแง่มุม


เช่นกำหนดว่าด้านสว่างคือ virtureหลักคุณธรรมแบบศาสนาคริสต์ คนที่มีcharity  การเสียสละที่มีมากเกินไปก็จะกลายเป็นพระเวสสันดรที่ทำให้ลูกเมียลำบาก เป็นคนหนึ่งที่ผู้หญิงยอมรับกันว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว


Kindness ความเมตตาก็ไม่ยอมฆ่าคนทั้งที่ควรจะฆ่า


แต่ทั้งหมดที่กล่าว การแยกจากทรัพย์สิน การเมตตาคนที่ร้ายต่อเรานั้นคือสิ่งที่ทำได้ยากในคนปกติ การเข้าไปด้านสว่างนั้นหากดำเนินการตามเงื่อนไขที่ยากลำบาก ทำได้ยาก ยึดมั่นแนวทางนั้นก็จะได้รับพลังตอบแทน แต่เนื่องจากทำได้ยากก็ไม่มีใครเดินไปสุดทางได้มากเหมือนกัน


การโดนครอบงำด้วยพลังด้านสว่างเป็นไปได้ยากเพราะต้องเดินไปทีละขั้น ค่อยเป็นค่อยไปและระหว่างทางไม่มีข้อเสียที่เป็นผลร้าย


ซึ่งจะเหมาะกับคนทั่วไปมากกว่า เพราะคนเราความจริงแล้วไม่ใช่คนที่สามารถทำอะไรได้สุดทาง
การหยุดระหว่างทางในการฝึกด้านสว่างก็ทำได้ตามปกติ


หากเปรียบเทียบคือ ประมาณวัดเส้าหลินที่ แบกผักหาบน้ำสองปี หมัดเท้าสองปี หมัดเส้าหลิน สองปี หลังจาหนั้นดูตามไหวพริบปฏิภาณของแต่ละคน


คือเน้นการใช้เวลาแลกกับความปลอดภัยน่ะครับ


ส่วนด้านสว่าง...ฮิตเลอร์นี่น่าจะมีkindness นะครับเพราะออกสายเมตตาสัตว์ ห้ามสูบบุหรีและมังสวิรัติ
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ deaddy

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,124
  • ถูกใจแล้ว: 3045 ครั้ง
  • ความนิยม: +208/-3
การอัพสายมืดจนต้านข้อเสียไม่มีผล


กับอัพสายแสงโดยใช้ exp ระดับเดียวกัน


มันก็โหดทั้งคู่นั่นแหล่ะ
แค่สายมืดมันดูน่าค้นหากว่าสายแสง


ไม่เชื่อก็ลองดูหน้าหนังสือพิมพ์สิ
ระหว่างข่าวด้านมืดกับสว่าง อันไหนขึ้นหน้า 1 มากกว่ากัน
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Kimi no Yume

ออฟไลน์ Exboss

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,570
  • ถูกใจแล้ว: 1100 ครั้ง
  • ความนิยม: +99/-116
ในความหมาย ของด้านมืดของพลัง น่าจะหมายถึง การได้พลังหรืออำนาจ มาก็มักจะมีสิ่งที่ได้และสูญเสียเสมอมากว่า ไม่ว่าจะเป็น พลังอะไรก็ตาม
เช่น อะไรที่มันเคยยาก พอมีพลังมันก็จะทำได้ง่ายๆ และ มันก็เสพติดไม่อยากสูญเสียมันไป
     บ้างครั้ง เพื่อ อุดมการณ์ มันก็ต้องการพลัง แต่พอพลังมันเยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็จะเริ่มโดนมันย้อม ครองงำ ให้กลายเป็น ว่า อุดมการณ์เปลี่ยนไปบ่อยๆ
   หรือ พลังที่รวบรวมมาจากคนอื่นๆ ก็กลายเป็นว่า ต้องทำตามการสนับสนุนจาก คนอื่นๆไปแทน แม้มีพลังแต่ก็เหมือนกลายเป็นแค่ตัวแทนของพลัง
 บ้างครั้งมันก็มาพร้อมภาระ ที่ทำให้ ได้แต่ต้องทล้ำลึกไปเรื่อยๆ เพราะ คนอื่นๆที่เสพในอำนาจอีก ??? ??? ???
 

ออฟไลน์ wingaura

  • หัวหน้าสมาคมหนองโพ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *****
  • กระทู้: 9,942
  • ถูกใจแล้ว: 2776 ครั้ง
  • ความนิยม: +249/-326
โดยส่วนตัวผมมองว่าถ้าจะเข้าใจว่า "ด้านมืด" มันคืออะไรละก็สิ่งที่อธิบายที่ง่ายที่สุดก็คือ "อารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ของมนุษย์" นี่แหละ
ด้านมืดมันคือพลังก้าวขอบจิตสำนึกที่ควบคุมตัวเองได้ไปนั้นเอง พลังที่ปลดปล่อยออกไปแบบไร้การควบคุมมันจึงย่อมรุนแรงกว่าพลัง
ที่ปลดปล่อยออกไปแบบมีการควบคุม แต่มันมีข้อเสียคือจะทำให้ขาดสติยั้งคิด

ถ้าอยากจะเข้าใจง่ายๆมันก็คือ "ความโกรธ ความเศร้า ความสนุกสนาน ความกลัว" นั้นเองอารมณ์ทั้ง 4 อย่างนี้ก็คือด้านมืดของมนุษย์เรา
เมื่อเราโดนมันครอบงำเราก็จะละทิ้งเหตุผลทั้งหมด แล้วปล่อยให้สัญชาติญานเป็นตัวควบคุมจนไร้สติไป จนกว่าจะสนองความต้องการได้
ถึงจะคลายลงไปชั่วคราว

ซึ่งวิธีการจัดการมันมี 3 วิธี 1.หลังจากถูกมันกลืนกินมานานเราจะปรับตัวจนเป้นฝ่ายกลืนกินมันซะเอง 2.เข้าใจและลอยตัวเหนือจากมัน
บงการมันได้ว่าจังหวะไหนควรปล่อยจังหวะไหนควรหยุด 3.ตัดขาดจากมันไปเลย แบบแรกคือแบบที่ดาร์คซีเดียสทำถูกมันกลืนก่อนกลืนมันแทน
แบบสองนั้นคือแบบพวกตัวเอกที่ใช้พลังด้านมืดแล้วควบคุมได้ แบบสามที่เห้นชัดคือพระพุทธเจ้า

ยกตัวอย่างง่ายๆ "ความเหงา" เพราะเราโดนมันกลืนทำให้เราต้องดิ้นรนหาใครมาอยู่ด้วย แม้เราจะรุ้ว่ามันจะยุ่งและต้องเสียอะไรมากมายไป
บ้างครั้งก้ไม่คุ้มเลยแต่เราก็ยังทำเพราะเราทนไม่ได้และถูกมันกลืน แต่พอเวลาผ่านไปเราจะกลืนกินมันได้ความเหงาจะเป็นอาหารชั้นเลิศ
กลายเป็นว่าเราจะกลายเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ไม่อยากจะอยุ่ร่วมกับใครโดยตรงอีกแล้ว(ผมเอง) แบบสองก็คือถึงจะเหงาแต่ก็ไม่ยอมให้
ตัวเองต้องสละอะไรมากมายเพื่อแก้ความเหงา รู้จักวิธีหาทางสนองความเหงามีเวลาเป็นของตัวเองและมีเวลาอยุ่ร่วมกับคนอื่น และอย่าง
สุดท้ายไม่มีความเหงาอีกต่อไปไม่รู้สึกถึงมัน จะอยุ่คนเดียวหรืออยุ่กับใครก้ได้ทั้งนั้น

อีกตัวอย่างที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดก็คือ "ความหื่น" หรือความต้องการทางเพศที่มันจะค่อยๆกดดันให้เราขาดสติ อันเนื่องมาจากสัญชาติญาน
ในการสืบพันธุ์อันเป็นโปรแกรม(สัญชาติญาน)ที่ถูกสลักลงในสิ่งมีชีวิตของโลกนี้เพื่อคงเผ่าพันธุ์ของตน ต้องการมีเซ็กส์จนกระทั่ง
ไปข่มขืนคนอื่นเข้านัน้คือสภาพที่โดนด้านมืดกลืนนั้นเอง ถ้าเป็นแบบแรกจะกลายเป็นว่าการข่มขืนคือความสนุกไป(กลืนกินด้านมืดไปแล้ว)
ถ้าแบบสองก็จะรุ้จักการหาทางปลดปล่อยไม่ให้โดนกลืน ไม่ว่าจะช่วยตัวเอง ใช้บริการสาวคุณตัว หาแฟนมาสนอง ส่วนแบบสามจะดีสุด
แตท้ได้ยากนัน้คือลบมันไปเลย ไม่มีความต้องการทางนั้นอีกต่อไป(พระพุทธเจ้าและผุ้บรรลุอรหันถ์ทั้งหลาย)
 

ออฟไลน์ pol

  • สาวกผู้สนับสนุนเซนนิคุง2Y
  • จอมทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 17,728
  • ถูกใจแล้ว: 20731 ครั้ง
  • ความนิยม: +364/-6
  • เพศ: ชาย
  • นักอู้มือหนึ่ง
ผมดูนิยายของกิมย้งเขาอธิบายในเรื่องด้านมืดของพลังว่า การที่จะศึกษายอดวิชาในเส้าหลินต้องเรียนพระธรรมควบคู่ไปด้วยเพราะว่าเมื่อมีพลังอำนาจมากถ้าไม่มีศีลธรรมคอยยึดเหนี่ยวจิตใจ จะทำให้เหลิงและกระทำความผิดได้ง่าย ผมคิดว่าเขาต้องการสื่อแบบนี้นะ
 

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,424
  • ถูกใจแล้ว: 3122 ครั้ง
  • ความนิยม: +189/-432
การอัพสายมืดจนต้านข้อเสียไม่มีผล


กับอัพสายแสงโดยใช้ exp ระดับเดียวกัน


มันก็โหดทั้งคู่นั่นแหล่ะ
แค่สายมืดมันดูน่าค้นหากว่าสายแสง


ไม่เชื่อก็ลองดูหน้าหนังสือพิมพ์สิ
ระหว่างข่าวด้านมืดกับสว่าง อันไหนขึ้นหน้า 1 มากกว่ากัน


ฮาใช่ครับ เกมส์สตาวอส์ทีซิธเยอะกว่าเจไดมาก


ผมเห็นด้วยครับที่ว่าระดับเท่ากันอาจไม่ต่างกันมากระหว่างสายสว่างกับมืด


แต่ปัญหาอยู่ตรงคำพูดที่ว่า ง่ายกว่า ยั่วยวนกว่าของโยดานั่นล่ะครับ


เพราะการเก็บ exp เทียบกับโลกความจริง สายมืดจะเก็บง่ายกว่าสายสว่างหลายเท่า ทำให้เก่งไม่ทันสายมืดและเป็นผลให้เกิดเหตุการณ์บอสของเรื่องต่างๆขึ้นมา


เปรียบเปรยคือพวกที่เป็นบอสนั้นเล่นสายมืด ที่exp ขึ้นเร็วแล้ววางแผนการเล่นมาอย่างดีราวกับเปิดสูตรเก็บเลเวลที่ได้ผลมากที่สุด จนเลเวลนำหน้าชาวบ้านจนไม่มีใครสู้ได้


ในขณะที่สายสว่าง expขึ้นช้ากว่าทำให้ด้วยเวลาเท่ากันสู้ไม่ได้


ผมลองศึกษาพวกไทป์มูน ที่เอาแบบมาจากtable top role playing


ที่พยายามสร้างความสมดุลย์ในจุดนี้ไม่ให้คนเลือกเล่นสายมืดโกงได้แบบเกมส์ออนไลน์ ที่สายมืดมีดีต่อการเก็บเลเวลไม่มีผลกระทบใดๆ


แต่Role playing ทำให้คนเล่นสายมืดต้องมีข้อจำกัดการตัดสินใจในการดำเนินเนื้อเรื่อง เช่นตัดสินใจฆ่าคน ดูดเลือดได้พลังมากขึ้น แต่ก็จะเสียแต้มความเป็นมนุษย์ทำให้การเล่นเกมส์ภายหลังจะตัดสินใจละเว้นชีวิตคนอื่นได้ยากขึ้น


...แต่ก็อย่างที่บอกล่ะครับ นั่นนับเป็นข้อเสียต่อพวกที่ครึ่งๆกลางๆเท่านั้น กับคนที่มองไปจนสุดทางจะเห็นแต่ผลประโยชน์แล้วคิดว่า ฆ่าก็ฆ่าสิ ดูดเลือดแล้วได้exp มากขึ้นและรวมไปถึงสกิลของคนที่เราดูดเลือดด้วย


เรียกว่าแม้กระทั่งrole playing ที่พยายามสื่อให้เห็นถึงผลร้ายของการเข้าด้านมืดก็ยังไม่มีผลต่อคนที่พร้อมจะไปให้สุดทางไม่มีความลังเลในการใช้จนกลายเป็นมาสเตอร์แวมไพร์โดยเร็วที่สุด
ในความหมาย ของด้านมืดของพลัง น่าจะหมายถึง การได้พลังหรืออำนาจ มาก็มักจะมีสิ่งที่ได้และสูญเสียเสมอมากว่า ไม่ว่าจะเป็น พลังอะไรก็ตาม
เช่น อะไรที่มันเคยยาก พอมีพลังมันก็จะทำได้ง่ายๆ และ มันก็เสพติดไม่อยากสูญเสียมันไป
     บ้างครั้ง เพื่อ อุดมการณ์ มันก็ต้องการพลัง แต่พอพลังมันเยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็จะเริ่มโดนมันย้อม ครองงำ ให้กลายเป็น ว่า อุดมการณ์เปลี่ยนไปบ่อยๆ
   หรือ พลังที่รวบรวมมาจากคนอื่นๆ ก็กลายเป็นว่า ต้องทำตามการสนับสนุนจาก คนอื่นๆไปแทน แม้มีพลังแต่ก็เหมือนกลายเป็นแค่ตัวแทนของพลัง
 บ้างครั้งมันก็มาพร้อมภาระ ที่ทำให้ ได้แต่ต้องทล้ำลึกไปเรื่อยๆ เพราะ คนอื่นๆที่เสพในอำนาจอีก ??? ??? ???


Absoulte Power,corrupted absolutely สินะครับ


เรียกว่าพลังทำให้ข้อจำกัดและกฎเกณฑ์ที่ควบคุมคนหายไป


โดยส่วนตัวผมมองว่าถ้าจะเข้าใจว่า "ด้านมืด" มันคืออะไรละก็สิ่งที่อธิบายที่ง่ายที่สุดก็คือ "อารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ของมนุษย์" นี่แหละ
ด้านมืดมันคือพลังก้าวขอบจิตสำนึกที่ควบคุมตัวเองได้ไปนั้นเอง พลังที่ปลดปล่อยออกไปแบบไร้การควบคุมมันจึงย่อมรุนแรงกว่าพลัง
ที่ปลดปล่อยออกไปแบบมีการควบคุม แต่มันมีข้อเสียคือจะทำให้ขาดสติยั้งคิด

ถ้าอยากจะเข้าใจง่ายๆมันก็คือ "ความโกรธ ความเศร้า ความสนุกสนาน ความกลัว" นั้นเองอารมณ์ทั้ง 4 อย่างนี้ก็คือด้านมืดของมนุษย์เรา
เมื่อเราโดนมันครอบงำเราก็จะละทิ้งเหตุผลทั้งหมด แล้วปล่อยให้สัญชาติญานเป็นตัวควบคุมจนไร้สติไป จนกว่าจะสนองความต้องการได้
ถึงจะคลายลงไปชั่วคราว

ซึ่งวิธีการจัดการมันมี 3 วิธี 1.หลังจากถูกมันกลืนกินมานานเราจะปรับตัวจนเป้นฝ่ายกลืนกินมันซะเอง 2.เข้าใจและลอยตัวเหนือจากมัน
บงการมันได้ว่าจังหวะไหนควรปล่อยจังหวะไหนควรหยุด 3.ตัดขาดจากมันไปเลย แบบแรกคือแบบที่ดาร์คซีเดียสทำถูกมันกลืนก่อนกลืนมันแทน
แบบสองนั้นคือแบบพวกตัวเอกที่ใช้พลังด้านมืดแล้วควบคุมได้ แบบสามที่เห้นชัดคือพระพุทธเจ้า

ยกตัวอย่างง่ายๆ "ความเหงา" เพราะเราโดนมันกลืนทำให้เราต้องดิ้นรนหาใครมาอยู่ด้วย แม้เราจะรุ้ว่ามันจะยุ่งและต้องเสียอะไรมากมายไป
บ้างครั้งก้ไม่คุ้มเลยแต่เราก็ยังทำเพราะเราทนไม่ได้และถูกมันกลืน แต่พอเวลาผ่านไปเราจะกลืนกินมันได้ความเหงาจะเป็นอาหารชั้นเลิศ
กลายเป็นว่าเราจะกลายเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ไม่อยากจะอยุ่ร่วมกับใครโดยตรงอีกแล้ว(ผมเอง) แบบสองก็คือถึงจะเหงาแต่ก็ไม่ยอมให้
ตัวเองต้องสละอะไรมากมายเพื่อแก้ความเหงา รู้จักวิธีหาทางสนองความเหงามีเวลาเป็นของตัวเองและมีเวลาอยุ่ร่วมกับคนอื่น และอย่าง
สุดท้ายไม่มีความเหงาอีกต่อไปไม่รู้สึกถึงมัน จะอยุ่คนเดียวหรืออยุ่กับใครก้ได้ทั้งนั้น

อีกตัวอย่างที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดก็คือ "ความหื่น" หรือความต้องการทางเพศที่มันจะค่อยๆกดดันให้เราขาดสติ อันเนื่องมาจากสัญชาติญาน
ในการสืบพันธุ์อันเป็นโปรแกรม(สัญชาติญาน)ที่ถูกสลักลงในสิ่งมีชีวิตของโลกนี้เพื่อคงเผ่าพันธุ์ของตน ต้องการมีเซ็กส์จนกระทั่ง
ไปข่มขืนคนอื่นเข้านัน้คือสภาพที่โดนด้านมืดกลืนนั้นเอง ถ้าเป็นแบบแรกจะกลายเป็นว่าการข่มขืนคือความสนุกไป(กลืนกินด้านมืดไปแล้ว)
ถ้าแบบสองก็จะรุ้จักการหาทางปลดปล่อยไม่ให้โดนกลืน ไม่ว่าจะช่วยตัวเอง ใช้บริการสาวคุณตัว หาแฟนมาสนอง ส่วนแบบสามจะดีสุด
แตท้ได้ยากนัน้คือลบมันไปเลย ไม่มีความต้องการทางนั้นอีกต่อไป(พระพุทธเจ้าและผุ้บรรลุอรหันถ์ทั้งหลาย)


เห็นด้วยครับ แต่ก็อย่างที่ท่านว่า คนที่เลือกวิธีแรกกลายเป็นบอส อย่างที่สองคือคนธรรมดา อย่างที่สามคืออรหันต์


ผมเคยอ่านบทความเถียงกันคือ คนมองว่าซีเดียสก็มีความสุขดีกับสิ่งที่ตนเองทำดูไม่ทุกข์ร้อนอะไร


พวกเอ็มไพร์แฟนบอยคิดกันอย่างนั้นน่ะครับ ฮา  :P


คือสมัยนี้คนมองการมีพลังแบบเดียวกับระบบเกมส์ในนิยายต่างโลกต่างๆ ผมเลยมีคำถามข้อนี้มาเพราะเคยเภียงกับคนในบอร์ดอื่นน่ะครับ


เหตุผลเขาก็ประมาณว่าfree will จะมีfree will  ไปทำไม คนเรามีfree willแต่ไม่มีใครใช้มันตลอดเวลา ทุกคนทำตามธรรมชาติของตนเองก็มีชีวิตอยู่ไพ้ตามปกติ free willรือของขวัญจากพระเจ้าที่คนเลือกทางของตนเอง


สามารถเลือกทางที่ต่อต้านธรรมชาติและเปลี่ยนแปลงตนเองได้ ...แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนใช้มัน


คนที่ไม่ใช้free willคือคนที่เปลี่ยนตนเองเป็นmonsterทำตามสัญชาตญาณ แต่ปัญหาคือพวกนี้ได้รางวัลตอบแทนจากการทำตามสัญชาตญาณนั้นเป็นพลังที่มากขึ้น


ไม่ได้หมายความว่าคนที่เข้าด้านมืดจะมีชีวิตที่ไม่มีความสุข  คนที่ไม่มีความสุขคือคนที่อยากเปลี่ยนแปลงตนเอง


แต่คนที่พอใจในตนเองแล้วก็เรียกว่ากลืนกินด้านมืดได้เสียเองแบบซีเดียส
มันเหมือนกับเป็นด้านตรงข้ามกับคติ "พอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่"ของด้านสว่างน่ะครับ


คนนั้นยกตัวอย่างRe:Monster ด้วยล่ะครับว่าคนที่กินซากศพคนที่น่าจะเป็นแม่ตนเองได้มองทุกอย่างเป็นอาหารนั้นทำให้เก่งขึ้นอย่างมาก และไม่มีตรงไหนที่สื่อว่าพระเอกไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองเป็นอยู่และการกระทำของเขามีผลตอบแทนคือพลังที่มากขึ้นเรื่อยๆ


ผมดูนิยายของกิมย้งเขาอธิบายในเรื่องด้านมืดของพลังว่า การที่จะศึกษายอดวิชาในเส้าหลินต้องเรียนพระธรรมควบคู่ไปด้วยเพราะว่าเมื่อมีพลังอำนาจมากถ้าไม่มีศีลธรรมคอยยึดเหนี่ยวจิตใจ จะทำให้เหลิงและกระทำความผิดได้ง่าย ผมคิดว่าเขาต้องการสื่อแบบนี้นะ


ใช่ครับมีการบอกประมาณว่า ไม่ให้ภิกษุบางคนฝึกเพราะจะรบกวนการบำเพ็ญภาวนา มีวรยุทธอาจจะทำร้ายตนเองได้เพราะความหมกมุ่นกับวรยุทธนั้น


แต่ด้านมืดตอบแทนดีกว่า กระทั่งศิษย์ของมหาสมาณะใบไม้แดงได้เคล็ดบางส่วนจากคัมภีร์ทานตะวัน กลายเป็นกระบี่พิชิตมาร


ลิ้มเพ้งจือจากต็อกต๋อยสู้งักเล้งซังไม่ได้ กลายมาเป็นฆ่าล้างสำนักแก้แค้นได้


ท่านอาจจะมองว่าเหล็งฮู้ชงก็ฝึกด้านสว่างอย่างกระบี่เดียวดาย แต่ความจริงแล้วผมมองว่าคนฝึกเก้ากระบี่ต้องมีค่าint กับwis สูงมาก


ความฉลาดของเหล็งฮู้ชงกระทั่งฟงชิงหยางยังตกใจ ทั้งความจำและความคิดสร้างสรรค์


ไม่ใช่ของที่ใครก็ฝึกได้
ต่างกับเพลงกระบี่ปราบมารที่ฝึกง่ายขอเพียงผ่านขั้นแรก สบัดกระบี่ตอนตนเอง


คนอาจจะไม่ทันนึกถึงเพราะเหล็งฮู้แกเล่นบาดเจ็บตลอดเรื่อง แต่แกเป็นอัจฉริยะในเชิงกระบี่ตั้งแต่เล็ก พยายามคิดท่ากระบี่ขึ้นมาด้วยตนเองตั้งแต่เด็ก(แม้ยังสู้เพลงกระบี่ของปรมาจารย์ไม่ได้แต่ผมเห็นว่าความคิดสร้างสรรค์มีมาตั้งแต่เด็ก) มองเห็นภาพวาดในผนังถ้ำก็มองเพลงกระบี่และทางแก้ออกและเป็นอาจารย์สอนกระบี่ที่เก่งมากด้วย


คือผมมองว่าเก้ากระบี่ไม่ใช่วิชาที่เรียกได้ว่ามาตรฐานน่ะครับ
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: wingaura

ออฟไลน์ tangmokou

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 319
  • ถูกใจแล้ว: 154 ครั้ง
  • ความนิยม: +14/-6
การใส่ด้านมืดเข้าไปมันทำให้เรื่องดูมีมิติมากขึ้นมั้งครับไม่ได้แบนๆเหมือนวิรบุรุษในนิทานสมัยโบราณแต่เดี๋ยวเนี้ไม่รู้เป็นยังไงคนเขียนมักเขียนตัวเอกเข้าสู้ด้านมืดเหมือนจูนิเบียวต่อต้านสังคมไงก็ไม่รู้
 

ออฟไลน์ pol

  • สาวกผู้สนับสนุนเซนนิคุง2Y
  • จอมทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 17,728
  • ถูกใจแล้ว: 20731 ครั้ง
  • ความนิยม: +364/-6
  • เพศ: ชาย
  • นักอู้มือหนึ่ง
พระเอกของกิมย้งส่วนใหญ่จะฉลาดนะครับ บางคนอาจจะแย้งว่าก๊วยเจ๋งนี่นะฉลาด? มันฉลาดครับอย่างน้อยๆความจำโคตรดี ตำราหนาขนาดนั้นมันจำได้ :o  ผมนี่ให้ท่องแบบมันไม่ไหวหรอก
สรุปคือพระเอกของกิมย้งจะฉลาดแต่จิตใจดีไม่ทันคนมากกว่า
 

ออฟไลน์ tangmokou

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 319
  • ถูกใจแล้ว: 154 ครั้ง
  • ความนิยม: +14/-6
พระเอกของกิมย้งส่วนใหญ่จะฉลาดนะครับ บางคนอาจจะแย้งว่าก๊วยเจ๋งนี่นะฉลาด? มันฉลาดครับอย่างน้อยๆความจำโคตรดี ตำราหนาขนาดนั้นมันจำได้ :o  ผมนี่ให้ท่องแบบมันไม่ไหวหรอก
สรุปคือพระเอกของกิมย้งจะฉลาดแต่จิตใจดีไม่ทันคนมากกว่า
ก๊วยเจ๋งเป็นอัจฉริยะคือแกมีวัยเด็กที่ยาวนานกว่าคนอืนคือระบบความคิดยังเหมือนเด็กเพราะธรรมชาติของเด็กจะซึมซับได้ดีคงเป็นสาเหตุที่เข้ากันได้ดีกับจิวแป๊ะทงด้วยนะผมว่าที่หมอนี่ดูไม่ทันคนเพราะโดยนิสัยไม่ใช่คนที่คิดแต่จะเอาเปรียบคนก็เท่านั้นอย่างที่ว่าคนเรามองคนอื่นอย่างไรมันอยู่ที่ว่าตัวเราเป็นยังไงนั้นละคนที่ไม่คิดกับคนอื่นในแง่ร้ายมักขาดความระมัดระวังและพี่แกยังเป็นคนตรงๆทื่อๆอีก
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: pol

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,424
  • ถูกใจแล้ว: 3122 ครั้ง
  • ความนิยม: +189/-432
การใส่ด้านมืดเข้าไปมันทำให้เรื่องดูมีมิติมากขึ้นมั้งครับไม่ได้แบนๆเหมือนวิรบุรุษในนิทานสมัยโบราณแต่เดี๋ยวเนี้ไม่รู้เป็นยังไงคนเขียนมักเขียนตัวเอกเข้าสู้ด้านมืดเหมือนจูนิเบียวต่อต้านสังคมไงก็ไม่รู้


หากเปรียบกิมย้งค้อขาดหลัก บู๊เฮียบ ครับ วรยุทธมาพร้อมกับคุณธรรม


คนอ่านอยากเห็นพระเอกเก่งบ้างหลังจากเห็นเรื่องแนวมาตรฐานพระเอกกระจอกตลอดเรื่อง(ถ้าเทียบกับตัวร้ายที่มีเก่งออกมาเรื่อยๆ)


พอมายุคหลังเลบพยายามให้พระเอกเก่งแต่ดันลืมหลักเฮียบ


หรืออย่างน้อยก็ต้องมีคำถามทางคุณธรรมหรือจิตใจ ไม่ได้หมายความว่าพระเอกเทพแล้วจะเขียนไม่ได้


เช่นซูเปอร์แมนเทพไป แต่นักเขียนที่เก่งจะพยายามหามุมมองใหม่ เช่น "ซุปเปอร์แมนควรจะอยู่ช่วยมนุษย์หรือไม่?" หรือ "ควรจะเข้ามายุ่งเกี่ยวมากกว่านี้หรือไม่" ในคำถามเกี่ยวกับคุณธรรมของจิตใจ


ฮีโร่นอกจากต้องผ่านลำบากทางร่างกายในด้านวรยุทธแล้ว ยังต้องผ่านด่านคุณธรรมคือการชนะจิตใจด้วย


นิยายปัจจุบันอย่าว่าแต่แนวกลับชาติเกิดจากต่างโลก เกิดใหม่เป็นตัวร้าย(อย่างที่ผมเคยตั้งคำถามว่าตัวร้ายมันเทพซูอยู่แล้วตั้งแต่แรก) แม้กระทั่งแนวสตาวอส์คนวิจารณ์เรย์อย่างหนักก็เพราะเรื่องนี้ ขาดการผ่านด่านคุณธรรม


เรื่องก๊วยเจ๋งผมมองว่าขาดความพลิกแพลงแต่ก็มีข้อดีเรื่องใยไม่วอกแวกและความขยันหมั่นเพียร...ถ้าอุ้ยเสี่ยวป้อขยันได้ครึ่งหนึ่งของก๊วยเจ๋งป่านนี้ครองยุทธภพหรือเป็นเล่าปังอีกคนไปแล้ว


พระเอกของกิมย้งส่วนใหญ่จะฉลาดนะครับ บางคนอาจจะแย้งว่าก๊วยเจ๋งนี่นะฉลาด? มันฉลาดครับอย่างน้อยๆความจำโคตรดี ตำราหนาขนาดนั้นมันจำได้ :o  ผมนี่ให้ท่องแบบมันไม่ไหวหรอก
สรุปคือพระเอกของกิมย้งจะฉลาดแต่จิตใจดีไม่ทันคนมากกว่า


ใช่ครับไม่ทันคนจบเรื่องไม่ลง จนกิมย้งในเคสบ่อกี้ต้องเอาแม่นางชุดเหลืองมาแก้เรื่องหรือเอาหลวงจีนกวาดลานมาเพื่อเคลียร์เรื่องส่วนใหญ่ในแปดเทพ


หรืดประมุขยิ่มตายก่อนจบ บอสใหญ่นับว่าคือตงฟางในด้านฝีมือ แต่ด้านแผนการคืองักปุกคุ๊ง


http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ zethys

  • แม่ทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 3,336
  • ถูกใจแล้ว: 602 ครั้ง
  • ความนิยม: +65/-66
[quote/]


หากเปรียบกิมย้งค้อขาดหลัก บู๊เฮียบ ครับ วรยุทธมาพร้อมกับคุณธรรม


คนอ่านอยากเห็นพระเอกเก่งบ้างหลังจากเห็นเรื่องแนวมาตรฐานพระเอกกระจอกตลอดเรื่อง(ถ้าเทียบกับตัวร้ายที่มีเก่งออกมาเรื่อยๆ)


พอมายุคหลังเลบพยายามให้พระเอกเก่งแต่ดันลืมหลักเฮียบ


หรืออย่างน้อยก็ต้องมีคำถามทางคุณธรรมหรือจิตใจ ไม่ได้หมายความว่าพระเอกเทพแล้วจะเขียนไม่ได้


เช่นซูเปอร์แมนเทพไป แต่นักเขียนที่เก่งจะพยายามหามุมมองใหม่ เช่น "ซุปเปอร์แมนควรจะอยู่ช่วยมนุษย์หรือไม่?" หรือ "ควรจะเข้ามายุ่งเกี่ยวมากกว่านี้หรือไม่" ในคำถามเกี่ยวกับคุณธรรมของจิตใจ


ฮีโร่นอกจากต้องผ่านลำบากทางร่างกายในด้านวรยุทธแล้ว ยังต้องผ่านด่านคุณธรรมคือการชนะจิตใจด้วย


นิยายปัจจุบันอย่าว่าแต่แนวกลับชาติเกิดจากต่างโลก เกิดใหม่เป็นตัวร้าย(อย่างที่ผมเคยตั้งคำถามว่าตัวร้ายมันเทพซูอยู่แล้วตั้งแต่แรก) แม้กระทั่งแนวสตาวอส์คนวิจารณ์เรย์อย่างหนักก็เพราะเรื่องนี้ ขาดการผ่านด่านคุณธรรม


เรื่องก๊วยเจ๋งผมมองว่าขาดความพลิกแพลงแต่ก็มีข้อดีเรื่องใยไม่วอกแวกและความขยันหมั่นเพียร...ถ้าอุ้ยเสี่ยวป้อขยันได้ครึ่งหนึ่งของก๊วยเจ๋งป่านนี้ครองยุทธภพหรือเป็นเล่าปังอีกคนไปแล้ว


[quote/]


ใช่ครับไม่ทันคนจบเรื่องไม่ลง จนกิมย้งในเคสบ่อกี้ต้องเอาแม่นางชุดเหลืองมาแก้เรื่องหรือเอาหลวงจีนกวาดลานมาเพื่อเคลียร์เรื่องส่วนใหญ่ในแปดเทพ


หรืดประมุขยิ่มตายก่อนจบ บอสใหญ่นับว่าคือตงฟางในด้านฝีมือ แต่ด้านแผนการคืองักปุกคุ๊ง





บางครั้งความทะเยอทยานก็สำคัญนะ อุ้ยเสี่ยวป้อมีดีมันทุกอย่างแหละ ขาดอย่างเดียว ความทะเยอทยาน ทั้งในด้านการฝึกยุทธหรืออำนาจ


แต่มันขึ้นอยู่กับมุมมอง ในสายตาบางคนเจ้ายุทธภพหรือฮ่องเต้อาจเป็นสิ่งที่หอมหวาน ในขณะที่บางคนแค่เมีย7กับการได้ปรนนิบัติแม่อาจจะเป็นยอดของความสุขก็ได้


ทุกคนไม่เคยมีอะไรเท่าเทียมกัน ความสุขก็ไม่เคยมีเท่ากัน และเราไม่สามารถเอามาตรฐานตัวเองไปตัวสินว่าคนอื่นสุขหรือทุกข์ได้หากเขาไม่บอกออกมา


ผมว่าเรื่องด้านสว่างด้านมืดก็คล้ายๆกัน ถ้าทำแล้วผลลัพธ์ออกมาตัวเองคนรอบข้างเดือดร้อน ต่อให้ทำสิ่งที่ดีมันก็คือด้านมืด กลับกันถ้าทำแล้วทุกคนแฮปปี้ ต่อให้มัน


เป็นความชั่วร้ายก็คือด้านสว่าง อย่าให้ใครมากำหนดคุณว่าคุณเป็นอะไร แต่ดูว่าสิ่งที่คุณทำตัวเองสบายใจมั้ย คนอื่นลำบากหรือเปล่า ขี้ปากชาวบ้านก็ไม่ต้องไปแคร์มาก


เพราะตอนเราลำบากมันก็ไม่ได้คิดจะช่วยอะไรเราแต่แรกอยู่แล้ว ทำที่สบายใจ ไม่เดือดร้อนใคร ไม่เดือดร้อนตัวเอง จบ
 

ออฟไลน์ tangmokou

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 319
  • ถูกใจแล้ว: 154 ครั้ง
  • ความนิยม: +14/-6
[quote/]


บางครั้งความทะเยอทยานก็สำคัญนะ อุ้ยเสี่ยวป้อมีดีมันทุกอย่างแหละ ขาดอย่างเดียว ความทะเยอทยาน ทั้งในด้านการฝึกยุทธหรืออำนาจ


แต่มันขึ้นอยู่กับมุมมอง ในสายตาบางคนเจ้ายุทธภพหรือฮ่องเต้อาจเป็นสิ่งที่หอมหวาน ในขณะที่บางคนแค่เมีย7กับการได้ปรนนิบัติแม่อาจจะเป็นยอดของความสุขก็ได้


ทุกคนไม่เคยมีอะไรเท่าเทียมกัน ความสุขก็ไม่เคยมีเท่ากัน และเราไม่สามารถเอามาตรฐานตัวเองไปตัวสินว่าคนอื่นสุขหรือทุกข์ได้หากเขาไม่บอกออกมา


ผมว่าเรื่องด้านสว่างด้านมืดก็คล้ายๆกัน ถ้าทำแล้วผลลัพธ์ออกมาตัวเองคนรอบข้างเดือดร้อน ต่อให้ทำสิ่งที่ดีมันก็คือด้านมืด กลับกันถ้าทำแล้วทุกคนแฮปปี้ ต่อให้มัน


เป็นความชั่วร้ายก็คือด้านสว่าง อย่าให้ใครมากำหนดคุณว่าคุณเป็นอะไร แต่ดูว่าสิ่งที่คุณทำตัวเองสบายใจมั้ย คนอื่นลำบากหรือเปล่า ขี้ปากชาวบ้านก็ไม่ต้องไปแคร์มาก


เพราะตอนเราลำบากมันก็ไม่ได้คิดจะช่วยอะไรเราแต่แรกอยู่แล้ว ทำที่สบายใจ ไม่เดือดร้อนใคร ไม่เดือดร้อนตัวเอง จบ
คนเราทำอะไรสำคัญที่เจตนาจริงๆนั้นละครับแต่ต้องตระหนักถึงผลที่ตามมาด้วยส่วนเรื่องขี้ปากชาวบ้านผมมองว่ามันเป็นเรื่องของการสื่อสารนะถ้าสื่อสารไม่ดีย้องถูกคนรอบข้างมองเราไม่ดีด้วยอย่างที่ท่านว่าคนเราพื่นฐานไม่เท่ากันได้รับสารมาไม่เหมือนกันย่อมเข้าใจไม่เหมือนกันบางทีถ้าเราแคร์คนรอบตัวแล้วฝึกวิธีการสื่อสารให้ดีขึ้นเราอาจจะได้พบว่าในกลุ่มคนที่มองเราไม่ดีพูดไม่ดีกับเรานั้นไม่ได้แย่อย่างที่คิด เพราะเมื่อมองย้อนกลับไปแล้วบางครั้งคนเราก็เผลอไหลตามคนส่วนใหญ่จนทำร้ายคนบางคนโดยไม่ได้ตั้งใจก็มี
แถวบ้านผมเองก็มีคนๆหนึ่งนะคนๆนี้แกมีเจตนาอะไรผมไม่ทราบมีเรื่องอะไรลึกซึ้งรึเปล่าผมไม่รับรู้แต่แกยึดอำนาจคนอื่นมานอกจากจะสื่อสารได้แย่แล้สยังไม่แคร์ใครอีก
ที่จะบอกก็คือการสื่อสารมันสำคัญนะบางทีขี้ปากชาวบ้านมันก็ช่วยให้เราได้มองย้อนดูตัวเองบ้างเหมือนกัน
 

ออฟไลน์ Yongkare

  • สาวกผู้สนับสนุนเซนนิคุง2Y
  • แม่ทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 2,036
  • ถูกใจแล้ว: 583 ครั้ง
  • ความนิยม: +43/-29
  • เพศ: ชาย
  • อย่างรู้เนื๊อแท้ของคน จงมอบอำนาจให้แก่เขา
ถ้าเอาตามนิยายกำลังภายใน วิชามารเน้นทางลัด ทรมาณร่างกาย บางครัีงอาจพิกลพิการ เผื่อแลกกับพลัง สวยวิชาสายธรรมะเน้นความเพียร ทรมารจิตใจ แต่ปลายทางก็เหมือนกัน เหมือนคนเดินขึ้นเขา ปลายทางย่อมคือที่เดียวกัน

There is nothing either good or bad but thinking make it so
ไม่มีสิ่งใดบนโลกที่ดีหรือเลว ความคิดของเราต่างหากที่ทำให้เกิดความดีความเลว
Hamlet Act 2,scene 2, 239-251
 

 

Tags:
แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก