เอาล่ะ มา Spoil กันต่อ... Part2 นี้ยังไม่ค่อยมีอะไรมากเท่าไร Climax จะอยู่ Part3
สำหรับท่านที่สนใจ แต่ยังไม่ได้อ่าน Part แรกขอเชิญที่ Link ด้านล่าง
http://goshujin.tk/index.php?topic=2633.0เรื่องราวของตัวร้ายผู้น่าสงสาร Part 2นับจากวันนั้น ทุกวันหลังเลิกเรียนไดจิจะไปช่วยโฮนามิทำงานของกลุ่มอิซุโมะเบื้องหลัง
อยู่มาวันหนึ่ง ในขณะที่กำลังปิดถนนสู่โยมิที่เปิดขึ้นกลางภูเขา จู่ๆก็มีภาพลอยเข้ามาในหัวเขา
เป็นภาพถนนสู่โยมิที่เปิดขึ้นในช่วงหลังเลิกเรียนและพวกนักเรียนกำลังถูกโยโมสึอิคุสะล่าจนหนีกระจัดกระจาย
ที่เลวร้ายที่สุดคือในบรรดากลุ่มคนที่หลงเข้าไปในถนนสู่โยมินั้นมีมิโซระ น้องสาวคนสำคัญของเขาอยู่ด้วย
ไดจิสังหรณ์ใจไม่ดีเอามากๆ จึงวิ่งสุดแรงไปหามิโซระโดยทิ้งถนนสู่โยมิในภูเขาไว้เบื้องหลัง
ทว่า ตอนที่เขามาถึงทุกอย่างก็ได้จบลงไปแล้ว
ไม่มีผู้รอดชีวิต ทุกคนถูกฆ่าตายหมด
ข้างร่างกายที่เย็นเฉียบของน้องสาวมีเด็กสาวผมเงินยืนอยู่
ใช่แล้ว เขามาช้าไป
“……แก ……แกเป็นคนทำงั้นเรอะ” ไดจิรวบรวมสติจนเปล่งเสียงออกมาถามเอนิชิได้
ทว่า เด็กสาวผมเงินไม่ตอบ ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปในความเงียบ
“แกเป็นคนฆ่างั้นเรอะ” เด็กหนุ่มถามเธอเด็กสาวด้วยเสียงที่ดังขึ้น แต่เธอยังยืนนิ่งอยู่เช่นเคย
“แก !” เขาตะโกนแล้วพุ่งเข้าไปพร้อมกับอาวุธในมือ
คราวนี้เธอมองมาหาเขาด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย ราวกับจะบอกว่า “ขอโทษที่มาไม่ทันเวลา”
ฉัวะ !
เด็กหนุ่มผู้สูญเสียคนสำคัญไปได้ใช้ดาบของตนฟันอิวานางะฮิเมะด้วยความโกรธแค้น
“…………อา ในที่สุด”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของเอนิชิ
เลือดสาดกระจาย
ร่างไร้วิญญาณของเด็กสาวผมเงินล้มลงไปกองกับพื้น
เธอตายแล้ว เช่นเดียวกับน้องสาวของเขา
ไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไมในวินาทีสุดท้ายเธอถึงได้ยิ้มออกมาอย่างงดงาม
ไดจิกอดร่างไร้วิญญาณของน้องสาวไว้แน่น พร้อมกับตะโกนเรียกเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่นั้น
นี่เขาต่อสู้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์แบบนี้งั้นเหรอ
“ไม่ใช่”
ฆ่าตัวการใหญ่ได้แล้ว ฆ่าศัตรูได้แล้ว------แล้วยังไง
รักษาสัญญาไว้ไม่ได้ สัญญาที่ว่าจะปกป้องน้องสาวให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
อยากได้พลัง อยากได้พลัง อยากได้พลัง อยากได้พลัง อยากได้พลัง อยากได้พลัง อยากได้พลัง
อยากได้พลัง อยากได้พลัง อยากได้พลัง อยากได้พลัง อยากได้พลัง อยากได้พลัง อยากได้พลัง
อยากได้พลัง อยากได้พลัง อยากได้พลัง อยากได้พลัง อยากได้พลัง อยากได้พลัง อยากได้พลัง
“อ้ากกกกกกกกกก------------!!” ไดจิตะโกนออกมา
เกิดแสงสว่างวาบ
พริบตานั้นสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาเขากลับไม่ใช่ร่างไร้วิญญาณของน้องสาว แต่เป็นน้องสาวที่กำลังถูกโยโมสึอิคุสะไล่ล่า
เธอยังไม่ตาย ! น้องสาวของเขายังชีวิตอยู่ !
คนอื่นตายหมดแล้ว แต่น้องสาวของเขายังดิ้นรนต่อไปจนถึงวินาทีสุดท้าย แม้จะเหลือคนเดียวก็ตามที
งั้นสิ่งที่เขาเห็นเมื่อครู่คืออะไร ? ภาพหลอนที่เกิดจากความกลัว ? ใช่แล้วมันคือภาพหลอน
ไดจิปักใจเชื่อเช่นนั้นแล้วรีบเข้าไปช่วยมิโซระ
อีกด้านหนึ่งที่โรงเรียน เพราะไดจิไม่ยอมมาเข้าชมรม อายากะเลยล้มเลิกกิจกรรมของวันนี้แล้วกลับบ้านอย่างเนือยๆ
เลยโดนฮาคุโตะแซวว่าช็อคที่โดนไดจิคุงทิ้งล่ะสิ แล้วฮาคุโตะก็พูดต่อว่าถ้าเล็งไดจิไว้มีคู่แข่งเยอะนะ ทั้งเพื่อนสมัยเด็ก, น้องสาวบุญธรรม แล้วก็
นักเรียนใหม่ผู้ลึกลับ“อันสุดท้ายมันอะไรน่ะ” อายากะถามอย่างไม่ get มุก
ฮาคุโตะเลยบอกว่าอันนั้นรู้เพราะมีเทเลพาธีเข้ามา แล้วก็กลบเกลื่อนต่อด้วยการทายสีกางเกงในของอายากะ จากนั้นก็วิ่งหนีไป
อายากะโดนทายสีกางเกงในถูก เลยวิ่งไล่กวดฮาคุโตะ
แต่พอฮาคุโตะวิ่งมาถึงหน้าโรงเรียน จู่ๆเธอก็หยุดวิ่ง
สีหน้าของเธอดูจริงจังอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
อายากะไล่ตามมาทัน แต่ก็ต้องตกใจกับสีหน้าจริงจังของเพื่อนสนิท
“……ทำไปจนได้สินะ---” ฮาคุโตะพึมพำคนเดียว
แต่พออายากะถาม เธอก็ยิ้มแล้วเบี่ยงประเด็นกลบเกลื่อนไป
กลับมาที่พวกไดจิ
ไดจิช่วยมิโซระไว้ได้ เขาพาเธอมาที่ศาลเจ้าที่เป็นบ้านของโฮนามิแล้วอธิบายทุกอย่างให้ฟัง
พอได้ฟังเรื่องทั้งหมด มิโซระก็อยากจะร่วมสู้ด้วยกันกับไดจิและโฮนามิ เธอไม่มีทางปล่อยให้พี่ชายที่แสนสำคัญของเธอไปเสี่ยงอันตรายคนเดียวได้
แต่ก็โดนอธิบายกลับไปว่าการจะใช้อุซึจิขับไล่ความชั่วร้ายได้นั้นต้องผ่านการฝึกที่ยากลำบากเป็นเวลานาน
พอได้ยินเช่นนั้น เธอจึงบอกว่าขอลองแค่ครั้งเดียว แม้จะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางสำเร็จ แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยจะต้องเสียใจภายหลังแน่นอน
ด้วยเหตุนั้นทุกคนจึงให้เธอลอง
แน่นอนว่าทุกคนรวมถึงตัวมิโซระเองเข้าใจดีว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ทุกคนก็เข้าใจเช่นกันว่าที่ทำไปก็เพื่อให้ไม่เสียใจภายหลัง
น้องสาวของเขารับอุซึจิขับไล่ความชั่วร้ายไปแล้วลองใช้ดู
เกิดแสงสว่างวาบ
พอแสงสว่างจางลงก็พบว่ามิโซระมาอยู่ในชุดมิโกะ
รอบข้างเต็มไปด้วยความตกใจ แต่คนที่ตกใจที่สุดคือตัวเธอเอง
เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นแล้ว
เรื่องแบบนี้ตั้งแต่ก่อตั้งกลุ่มอิซุโมะเบื้องหลังมายังไม่เคยเกิดขึ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ไม่รู้ว่าทำไมมิโซระถึงใช้อุซึจิขับไล่ความชั่วร้ายได้ แต่ตั้งแต่นั้นมาทั้งสามคนก็ทำงานปิดถนนสู่โยมิด้วยกันตอนหลังเลิกเรียน
พวกไดจิกลัวว่าคนใกล้ตัวอาจจะไปเจอเรื่องแบบที่เคยเกิดขึ้นกับมิโซระอีก จึงนำเรื่องทั้งหมดไปบอกอายากะซึ่งเป็นคนใกล้ตัวที่อยู่ในช่วงวัยที่หลงเข้าไปยังถนนสู่โยมิได้ง่าย พร้อมแสดงพลังของอุซึจิขับไล่ความชั่วร้าย และดาบสำริดเปล่งแสงให้ดูเป็นหลักฐาน
แต่อายากะก็ยังไม่เชื่อ บอกว่าชุดมิโกะเป็นคอสเพลย์ และโกรธจนน้ำคลอเบ้าที่ไดจิเอาวัตถุโบราณในห้องชมรมไปดัดแปลงเป็นกระบี่แสง (Lightsaber)
สุดท้ายอายากะบอกว่าเหนื่อยแล้ว และกลับบ้านไปทั้งๆอย่างนั้น
เด็กสาวเดินกลับบ้านคนเดียวกลางความมืดมิด
จริงๆแล้วไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อเรื่องเมื่อครู่ หลักฐานชัดเจนขนาดนั้นก็มีแต่ต้องเชื่อเท่านั้น
เธอก็แค่ไม่อยากยอมรับมัน
ตลอดเวลาที่ผ่านมา นิชิโนะโทอิน อายากะใช้ชีวิตมาโดยไม่เชื่อเรื่องลึกลับเลยแม้แต่น้อย เพราะแบบนั้นเธอจึงไม่อยากยอมรับมัน
ขณะนั้นเธอกำลังเดินผ่านสวนสาธารณะที่เป็นทางกลับบ้าน
แต่แล้วเธอก็รู้สึกได้ถึงความผิดแปลก
ไม่ว่าจะเดินเท่าไรก็ไม่พ้นสวนสาธารณะซักที
เรื่องที่ฟังมาจากรุ่นน้องเมื่อครู่ลอยเข้ามาในหัว เธอรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที
เด็กสาวเริ่มออกวิ่ง
แต่ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว
สิ่งมีชีวิตที่มีกลิ่นซากศพได้มาปรากฏตัวต่อหน้าเธอ มันมีรูปร่างเป็นรยางค์น่าขยะแขยง
สัตว์ประหลาดใช้รยางค์จับเหยื่อของมันทันที
เด็กสาวพยายามดิ้นรนแต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการได้
รยางค์ถูกสอดเข้ามาในปาก ตามด้วยของเหลวน่าขยะแขยงไหลลงไปในลำคอ
ตอนนั้นอายากะรู้สึกสิ้นหวังและยอมแพ้
ทันใดนั้นเอง ก่อนที่สัตว์ประหลาดจะได้ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น
ฉัวะ !
ชายหนุ่มผมแดงปรากฏตัวขึ้น ใช้ดาบขนาดใหญ่ฟันโยโมสึอิคุสะตายในครั้งเดียว
ชายหนุ่มหันมามองอายากะ
“รอดมาได้รึนี่” เสียงที่ออกมากลับไม่ใช่เสียงแสดงความดีใจ
“แกแปดเปื้อนแล้ว คนที่กินของจากโลกแห่งความตายไปแล้วจะไม่สามารถอาศัยอยู่ในโลกของคนเป็นได้อีก” ชายหนุ่มพูด
“อาจจะฟังดูไร้เหตุผล แต่นี่คือกฎของโลก…… เอาเถอะ อภัยให้ด้วยละกัน ชั้นจะชำระล้างแกให้ตามกฎเอง”
พอชายหนุ่มพูดจบก็สะบัดดาบขนาดใหญ่ลงมาใส่เด็กสาวอย่างไร้ความเมตตา
เคร้ง !
ที่มาหยุดดาบของชายหนุ่มคือดาบของรุ่นน้องเด็กสาว
ไดจิกับชายหนุ่มประจันหน้ากัน แต่เขาก็เริ่มสู้แรงชายหนุ่มไม่ไหว
แต่สุดท้ายโฮนามิก็เข้ามาหยุด
เธออธิบายให้ฟังว่าชายหนุ่มผมแดงคือมิโคงามิ โทริว คนจากกลุ่มอิซุโมะเบื้องหลัง เป็นพวกเดียวกัน
โทริวบอกโฮนามิว่าอายากะแปดเปื้อนไปแล้ว มีแต่ต้องฆ่าทิ้งเท่านั้น
โฮนามิหน้าถอดสี
ไดจิ, มิโซระ และอายากะจึงได้รู้ความจริงอันโหดร้ายจากปากของโฮนามิว่าคนธรรมดาที่แปดเปื้อนมลทินจากโยมิแล้ว ถ้าปล่อยไว้ไม่ฆ่าทิ้งจะกลายเป็นโยโมสึอิคุสะ กลุ่มอิซึโมะเบื้องหลังจึงฆ่าผู้เคราะห์ร้ายไม่มีความผิดเหล่านั้นด้วย
ไดจิเข้าใจดีว่าตัวเองไร้เหตุผล แต่เขาไม่มีทางปล่อยให้รุ่นพี่อายากะตายเฉยๆได้
ด้วยเหตุนี้เด็กหนุ่มจึงจับดาบ หันดาบใส่ชายหนุ่มแห่งอิซุโมะเบื้องหลัง
มิโซระเองก็เห็นด้วยกับพี่ชายของเธอ จึงตั้งท่าพร้อมบอกกับโทริวว่าถ้าหันดาบใส่พี่ชายของเธอล่ะก็ จะต้องสู้กับเธอด้วย
ทั้งสามคนพร้อมจะมีเรื่องกันทุกเมื่อ
จนโฮนามิต้องเข้ามาหยุด
เธอบอกว่าหนทางเดียวที่จะช่วยอายากะได้มีแต่ต้องให้ลองใช้อุซึจิขับไล่ความชั่วร้ายดูเท่านั้น ชุดมิโกะปราบมารมีพลังที่สามารถชำระล้างมลทินจากโยมิได้ และนั่นเป็นหนทางเดียวเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถชำระล้างมลทินจากโยมิได้โดยไม่สร้างความเสียหายให้กับเจ้าตัว
การจะใช้อุซึจิขับไล่ความชั่วร้ายได้ต้องผ่านการฝึกที่ยากลำบากและยาวนาน
โอกาสที่คนธรรมดาอย่างอายากะจะใช้อุซึจิขับไล่ความชั่วร้ายได้คือศูนย์
แต่ก็มีแต่ต้องลองเท่านั้น
“……ถ้าพลาดจะทำยังไง” ไดจิถามโฮนามิ
“ต้องสำเร็จแน่นอน อธิบายไม่ได้ แต่รู้สึกว่าต้องสำเร็จแน่นอน” เพื่อนสมัยเด็กของเขาตอบกลับมาโดยมีท่าทางเชื่อมั่นอยู่ครึ่งหนึ่งทั้งที่โอกาสสำเร็จน่าจะเป็นศูนย์
ก่อนจะลอง ไดจิบอกอายากะว่าไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมายังไง ต่อให้พลาดเขาก็จะปกป้องเธอเอง
อายากะรับอุซึจิขับไล่ความชั่วร้ายมาจากโฮนามิแล้วลองใช้ดู
เกิดแสงสว่างวาบ
พอแสงจางลงก็พบว่าอายากะอยู่ในชุดมิโกะ
แม้แต่อายากะเองก็ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะทำสำเร็จ
พอโทริวเห็นดังนั้นจึงลดดาบลงแล้วบอกว่าพาอายากะไปเถอะ เดี๋ยวถนนสู่โยมิแห่งนี้เขาจะเป็นคนปิดมันเอง
พวกไดจิพาอายากะมาที่ศาลเจ้าซึ่งเป็นบ้านของโฮนามิ
พ่อของโฮนามิตกใจมาก ต่อจากมิโซระก็อายากะ เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เกิดขึ้นติดกันสองครั้ง
แต่โฮนามิเชื่อว่าเป็นเพราะพลังปริศนาของไดจิได้สร้างความเกี่ยวโยงทางโชคชะตากับคนรอบข้าง ที่เชื่อมั่นว่าอายากะจะใช้อุซึจิขับไล่ความชั่วร้ายได้ก็เพราะเหตุนั้น
สุดท้ายอายากะตัดสินใจช่วยโฮนามิทำงานของอิซุโมะเบื้องหลังอีกแรง เป็นการตอบแทนที่ไดจิช่วยชีวิตเธอ และเพื่อตามหาความจริงที่แท้จริงของโลกใบนี้
ด้วยเหตุนี้ไดจิ, โฮนามิ และมิโซระจึงได้อายากะมาร่วมทีม
อีกด้านหนึ่ง เด็กสาวผมสีเงินกำลังยืนอยู่ท่ามกลางความมืดที่กว้างใหญ่ไพศาลไร้จุดจบ
เธอกำลังครุ่นคิดว่าทำไมเธอถึงได้ยังมีชีวิตอยู่กันนะ
เธอน่าจะถูก “เขา” ที่เข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนฆ่าน้องสาวฆ่าตายไปแล้วแน่ๆ
แต่เธอกลับยังมีชีวิตอยู่
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นทั้งๆที่สถานที่แห่งนี้ซึ่งอยู่ระหว่างโลกแห่งความเป็นกับความตายน่าจะมีเธอเข้ามาได้คนเดียวแท้ๆ
ที่ปรากฏตัวต่อหน้าเอนิชิคือเด็กสาวร่างเล็กที่ดูไม่มีพิษภัยคนหนึ่ง
แต่ในเมื่อเข้ามาที่นี่ได้ก็ไม่มีทางเป็นมนุษย์ธรรมดาแน่นอน
“……คุณเป็นใคร” เด็กสาวผมเงินถามอีกฝ่าย
เด็กสาวร่างเล็กแนะนำตัวว่าเธอชื่ออินาสะ ฮาคุโตะ เข้าใจความรู้สึกของเอนิชิดีและมาเพื่อให้คำแนะนำ
“คุณจะไปเข้าใจอะไร……คุยกันไม่รู้เรื่องหรอก”
เกิดความหวั่นไหวขึ้นในจิตใจของอิวานางะฮิเมะ แต่เธอก็ซ่อนมันไว้ภายใน ไม่แสดงออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
ทว่า ราวกับเป็นการตอบสนองต่อจิตใจที่หวั่นไหวของเธอ กลุ่มโยโมสึอิคุสะได้ปรากฏตัวขึ้น
แต่พวกมันกลับแค่เดินเพ่นพ่านไปมา ไม่สนใจอีกฝ่ายแต่อย่างใด
“ทำไมกัน……? คุณไม่ใช่มนุษย์งั้นเหรอ ? เป็นตัวอะไรกันแน่ !?”
คราวนี้เอนิชิสะบัดเคียวใส่ฮาคุโตะ
ไม่ใช่การโจมตีเพื่อหมายเอาชีวิต แต่เป็นการโจมตีเพื่อหยุดไม่ให้อีกฝ่ายขยับ
ดังนั้นเคียวของเธอน่าจะฟันโดนอากาศแน่ๆ
น่าจะเป็นเช่นนั้นแต่เคียวกลับฟันไปโดนโยโมสึอิคุสะที่โผล่มาเมื่อครู่
ส่วนเด็กสาวร่างเล็กก็ไม่อยู่แล้ว หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทิ้งไว้เพียงความน่าฉงนใจ
Part 3 ไว้มาต่อวันพฤหัส
(3 พฤศจิกายน)